HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 202 จุด สวนทางดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดลบท่ามการซื้อขายที่ผันผวน หลังสหรัฐฯ-จีนตอบโต้กันอย่างรุนแรงในสงครามการค้าที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง นักลงทุนจับตาผลประกอบการไตรมาส 3 ของบรรดาธนาคารยักษ์ใหญ่ และวิเคราะห์ถ้อยแถลงประธานเฟด ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 14ตุลาคม 2568 ปิดที่ 46,270.46 จุด เพิ่มขึ้น 202.88 จุด หรือ +0.44% แต่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปิดลบท่ามการซื้อขายที่ผันผวน จากการที่สหรัฐฯและจีนตอบโต้กันอย่างรุนแรงในสงครามการค้าที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนจับตาฤดูกาลผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ที่เริ่มต้น ของบรรดาธนาคารยักษ์ใหญ่ และวิเคราะห์สุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,644.31 จุด ลดลง 10.41 จุด, -0.16%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,521.70 จุด ลดลง 172.91 จุด, -0.76%
บรรยากาศตลาดค่อนข้างผันผวน โดยความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นประเด็นหลักที่ได้รับความสนใจมากที่สุด จีนตอบโต้รอบใหม่ต่อข้อตกลงทางการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยได้คว่ำบาตรบริษัทต่อเรือ Hanwha Ocean ของเกาหลีใต้ 5 แห่ง ซึ่งเชื่อมโยงกับสหรัฐฯ มีผลเป็นการห้ามไม่ให้บริษัทจีนทำธุรกิจร่วมกัน ทั้งสองประเทศยังได้เริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือพิเศษจากเรือของกันและกันเมื่อวันอังคาร เพื่อพยายามครองอำนาจทางทะเล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์บน Truth Social กล่าวหาว่าจีนจงใจไม่ซื้อถั่วเหลืองในช่วงท้ายของวัน และขู่ว่าจะระงับการซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันปรุงอาหารจากจีน ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ร่วงลงอย่างหนักก่อนปิดตลาด
ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เจมีสัน กรีเออร์ กล่าวให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันอังคารว่า การเก็บภาษีนำเข้า 100% ที่ถูกทรัมป์ขู่ไว้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤศจิกายนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการดำเนินการต่อไปของจีน และย้ำว่ามาตรการภาษีนำเข้าดังกล่าวอาจมีผลบังคับใช้เร็วกว่านั้น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวบั่นทอนความหวังที่เพิ่งฟื้นคืนมาเมื่อไม่นานมานี้ว่าสหรัฐฯ และจีนจะหลีกเลี่ยงสงครามการค้าเต็มรูปแบบ
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่มีผลต่อตลาดคือสุนทรพจน์ของพาวเวลล์ ในการประชุมประจำปีของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติสหรัฐ หรือ NABE โดยกล่าวว่า เฟดกำลังใกล้ถึงจุดที่จะยุติการลดขนาดการถือครองพันธบัตร แต่ไม่ได้ให้สัญญาณในระยะยาวว่าอัตราดอกเบี้ยจะมุ่งหน้าไปในทิศทางใด และยังกล่าวว่าแนวโน้มการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
คำพูดของพาวเวลล์ได้รับความสนใจอย่างมากเนื่องจากไม่มีการรายงานข้อมูลสำคัญจากการที่หน่วยงานชัตดาวน์
ร็อบ ฮอว์เวิร์ธ ผู้อำนวยการอาวุโสด้านกลยุทธ์การลงทุนของ U.S. Bank Wealth Management กล่าวว่า ตลาดพยายามรับมือกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร และเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดในขณะนี้ แม้ว่ารายงานผลประกอบการของภาคการเงินดูดี
ฤดูกาลผลประกอบการได้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังในเช้าวันอังคาร โดยมีผลประกอบการจาก JPMorgan Chase, Citigroup, Goldman Sachs และ Wells Fargo ต่างก็เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้น Wells Fargo พุ่ง 7.15% หุ้น Citigroup บวก 3.8% หุ้น JPMorgan ลดลง 1.9% หุ้น Goldman Sachs ลดลง 2%
หุ้น Caterpillar บวก 4.5% และช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ให้ปิดในแดนบวก หลังจาก
นักวิเคราะห์ของ JPMorgan ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงราคาหุ้น Michelin ผู้ผลิตยางรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสที่ร่วงลง ต่างส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในภูมิภาค ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ในฝรั่งเศส
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 564.54 จุด ลดลง 2.09 จุด, -0.37%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,452.77 จุด เพิ่มขึ้น 9.90 จุด, +0.10%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,919.62 จุด ลดลง 14.64 จุด, -0.18%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,236.94 จุด ลดลง 150.99 จุด, -0.62%
แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูเหมือนจะแสดงท่าทีปรองดองมากขึ้น แต่ยังคงความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือเพิ่มเติมจากกลุ่มขนส่งทางทะเล
นักลงทุนต่างจับตาความวุ่นวายทางการเมืองในฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีเซบาสเตียน เลอกอร์นู ของฝรั่งเศสเสนอให้เลื่อนการปฏิรูประบบบำนาญออกไปจนกว่าจะพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2570 ขณะที่เผชิญกับญัตติไม่ไว้วางใจสองญัตติจากพรรคการเมืองทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาสุดโต่ง ซึ่งอาจโค่นล้มรัฐบาลฝรั่งเศสชุดล่าสุดภายในสิ้นสัปดาห์นี้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องให้เขาลาออก แม้คู่แข่งของเขาจะชี้แนะว่า วิธีเดียวที่จะแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของฝรั่งเศสในรอบหลายทศวรรษ คือการลาออกของเขา
ในส่วนของหุ้นรายตัว ราคาหุ้นของ Michelin ร่วงลงมากกว่า 8% หลังจากที่บริษัทปรับลดประมาณการผลประกอบการประจำปีลง เนื่องจากสภาวะธุรกิจที่ท้าทายในอเมริกาเหนือ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรและยอดขาย หุ้นของคู่แข่งอย่าง Pirelli ในอิตาลีลดลง 1.2%และหุ้น Continental ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เยอรมนีลดลง 4.3% ดัชนีกลุ่มยานยนต์โดยรวมร่วงลง 2.5%
หุ้น Ericsson ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมจากสวีเดน พุ่งขึ้นกว่า 14% จากผลประกอบการรายไตรมาสที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 79 เซนต์ หรือ 1.33% ปิดที่ 58.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล % และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 93 เซนต์ หรือ 1.47% ปิดที่ 62.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

