ดาวโจนส์ปิดลบ 243 จุด จับตาฤดูกาลผลประกอบการ

HoonSmart.com>>ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 9 ต.ค. 2568 ปิดที่ 46,358.42 จุด ลดลง 243.36 จุด หรือ -0.52% ขณะที่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ถอยลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุน ขณะที่ฤดูกาลการรายงานผลประกอบการเริ่มขึ้น รวมทั้งประเมินมุมมองทางบวกเกี่ยวกับ AI และการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งช่วยหนุนตลาดท่ามกลางการปิดหน่วยงานของรัฐบาล

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,735.11 จุด ลดลง 18.61 จุด, -0.28%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,024.63 จุด ลดลง 18.75 จุด, -0.08%

บรรยากาศซื้อขายโดยรวมค่อนข้างเงียบ เนื่องจากการปิดทำการของรัฐบาลกลางที่เข้าสู่วันที่ 9 ทำให้การเผยแพร่ข้อมูลตามกำหนดต้องล่าช้าออกไป ซึ่งรวมถึงการอัปเดตข้อมูลการขอรับสวัสดิการว่างงานที่กำหนดไว้ในวันพฤหัสบดี ทำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับผลประกอบการที่กำลังจะมาถึงมากขึ้น รวมทั้งเฝ้าติดตามข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และความหวังที่พุ่งสูงต่อการเติบโตของ AI

PepsiCo ด้วยการรายงานกำไรและรายได้ไตรมาสที่สูงกว่าคาด ราคาหุ้นปิดบวก 4.23%

เปิดประตูสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สาม ก่อนที่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการจะเริ่มต้นอย่างจริงจังในสัปดาห์หน้า เมื่อธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ นำเสนอรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สาม

ผลประกอบการของสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ Delta Air Lines สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เช่นกันส่งผลให้ราคาหุ้นปรับขึ้น 4% นำสายการบินอื่นๆ

Costco เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ปรับตัวขึ้น โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 3% หลังจากที่ผู้ค้าปลีกรายใหญ่รายงานยอดขายที่แข็งแกร่งในเดือนกันยายน ทอม ไฮน์ลิน จาก U.S. Bank Asset Management เชื่อว่ารายงานผลการดำเนินงานของ Delta และ Costco เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความยืดหยุ่นของผู้บริโภคในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่แน่นอน

วุฒิสภาล้มเหลวเป็นครั้งที่ 7 ในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ โดยแทบไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตจะมีความคืบหน้าในการเจรจา นักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกำลังจับตาดูว่าภาวะปิดทำการนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือไม่ และผลกระทบบางอย่างอาจเริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา กรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) ประกาศว่าจะมีการพักงานพนักงานเกือบครึ่งหนึ่งอันเป็นผลมาจากการปิดหน่วยงาน นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศยังส่งผลให้สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (Federal Aviation Administration) ต้องเลื่อนเที่ยวบินไปยังสหรัฐอเมริกาออกไป

การที่ไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ไมเคิล บาร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาสนับสนุนแนวทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง เนื่องด้วยมีความไม่แน่นอนว่าภาษีศุลกากรจะผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้นหรือไม่

ขณะที่การกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดในวันเดียวกัน ไม่พูดถึงนโยบายการเงินหรือแนวโน้มเศรษฐกิจเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ เจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับบีบีซี ว่า ตลาดอาจเผชิญกับการปรับฐานครั้งใหญ่ในระยะสั้นถึงระยะกลาง โดยให้ความเป็นไปได้สูงถึงประมาณ 30% มากกว่าที่ตลาดมองไว้ และอาจกินเวลา 6 เดือนหรืออาจถึง 2 ปี

สำหรับหุ้นรายตัวอื่น ๆ Oracle พุ่งขึ้นกว่า 3% หลังจากที่ Baird เริ่มวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำการลงทุนที่สูงกว่าคู่แข่งและตั้งเป้าราคาไว้ที่ 365 ดอลลาร์

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง โดยถูกฉุดลงอย่างหนักจากหุ้น HSBC และ Ferrari ที่ร่วงลงแรง ส่งผลให้ดัชนี STOXX ร่วงลงจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นในฝรั่งเศส

ราคาหุ้น Ferrari ร่วงลงอย่างหนัก 15.41% ภายในวันเดียว ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ ปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน เนื่องจากเป้าหมายทางการเงินระยะยาวที่ไม่น่าประทับใจทำให้นักลงทุนหมดความสนใจ และแย่งชิงความสนใจจากการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิตรถยนต์หรูสัญชาติอิตาลีรายนี้ไป

หุ้นรถยนต์ทำผลงงานรายวันแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม โดย Michelin ผู้ผลิตยางรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสก็เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ฉุดรั้ง ราคาหุ้นร่วงลง 3.8% หลังจากระบุว่ายอดขายในไตรมาสที่สามจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ราคาหุ้นของ HSBC ร่วงลง 5.4% ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดดัชนี STOXX มากที่สุด หลังจากที่ธนาคารสัญชาติอังกฤษรายนี้ประกาศว่ามีแผนจะซื้อหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยในบริษัทสาขา Hang Seng Bank มูลค่าประมาณ 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 571.31 จุด ลดลง 2.48 จุด, -0.43%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,509.40 จุด ลดลง 39.47 จุด, -0.41%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,041.36 จุด ลดลง 18.77 จุด, -0.23%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,611.25 จุด เพิ่มขึ้น 14.12 จุด, +0.06%

หุ้น Lloyds Banking Group ลดลง 3.3% หลังจากที่ธนาคารระบุว่าอาจจำเป็นต้องกันเงินสดไว้เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการชดเชยลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ในการสอบสวน

นักลงทุนจับตาสถานการณ์ในฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิด ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง กำลังมองหานายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ในรอบไม่ถึงสองปี โดยหวังว่าผู้ที่ได้รับเลือกคนต่อไปจะสามารถผลักดันงบประมาณให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในสภานิติบัญญัติได้

สำหรับด้านเศรษฐกิจ ตามรายงานการประชุมระหว่างวันที่ 10-11 กันยายนของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุวา ผู้กำหนดนโยบายได้สรุปว่า ชุดเครื่องมือยังคงแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มเงินเฟ้อของยูโรโซน ทำให้สามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้ได้จนกว่าภาพรวมจะชัดเจนขึ้น

ธนาคารกลางยังคงอัตราดอกเบี้ยและแสดงท่าทีเชิงบวกอย่างระมัดระวังต่อเศรษฐกิจ โดยส่งสัญญาณว่าการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม จำเป็นต้องพิจารณาให้มากขึ้น แม้ว่าภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะยังคงสร้างความกังวลต่อไปก็ตาม

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 61.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.55% ปิดที่ 65.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–