ตลาดหุ้นไทยร่วมเวทีอาเซียน โชว์ข้อมูลนักลงทุน Quant Fund

HoonSmart.com>>ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมร่วมเวทีอาเซียนพบ Quant Fund ที่ฮ่องกง ตอกย้ำพัฒนาการเพิ่มประสิทธิภาพบริษัทจดทะเบียน โครงการ Jump+ เร่งปรับเกณฑ์ตลาด LiVEx รองรับสตาร์ทอัพและธุรกิจโลกใหม่

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในเดือนต.ค.นี้ ทางตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียน จะมีการไปไปรวมตัวกันที่ฮ่องกง เพื่อพบกับนักลงทุนสถาบันกลุ่ม Quantitative เพื่อไปรับฟัง -หารือกันถึงความต้องการและความสนใจลงทุนของนักลงทุน รวมถึงการให้ข้อมูลด้านการพัฒนาการ การเปลี่ยนแปลงปรับปรุงกฎเกณฑ์ตลาดหุ้นแต่ละประเทศให้กับนักลงทุนกลุ่มนี้ได้รับทราบ

ทั้งนี้ มีแนวคิดว่าไทยควรจะทำโรดโชว์ประเทศ ซึ่งเคยหารือกับทางรัฐบาลไว้ แต่ต้องรอการจัดทำเรื่อง “Thailand Story”ที่รัฐบาลเป็นเจ้าภาพให้เสร็จก่อน โดยตลาดหุ้นเป็นส่วนหนึ่งของ Thailand Story

ในส่วนของตลาดหุ้น พัฒนาการที่ดีในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ที่กำลังดำเนินการอยู่และมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง คือ โครงการจั๊มพ์พลัส ที่ปัจจุบันมีสมัครเข้ามาแล้ว 67 บริษัท สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทสนใจที่จะพัฒนาการเพื่อสร้างการเติบโต เป็นสัญญาณที่ดีมาก เมื่อถึงเวลาจะมีการนำแผนธุรกิจ เป้าหมาย และความคาดหวังของแต่ละบริษัทใน 3 ปีข้างหน้า รวมถึงการรายงานความคืบหน้าเป็นระยะทั้งในและนอกประเทศ

นอกจากนี้ จะมีการเชิญชวนบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียนด้วย เพื่อเป็นพลังในการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้สร้างโอกาสรองรับบริษัทขนาดเล็ก และบริษัทที่ทำธุรกิจโลกใหม่ หรือ สตาร์ทอัพ เข้ามาระดมทุนผ่านตลาด LiVEx และกำลังทบทวนขั้นตอน ให้บริษัทเข้ามาระดมทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งได้ไปดูตัวอย่างจากตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ฮ่องกง และสิงคโปร์ ถึงกระบวนการเข้าระดมทุน การสนับสนุนให้ธุรกิจเหล่านั้นเติบโตขึ้น จากปัจจุบันที่บริษัทเหล่านั้นมีการระดมทุน บริษัทธุรกิจเงินร่วมลงทุน(VC)และกองทุนส่วนบุคคล หรือไพรเวทฟันด์

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการหารือกับนักลงทุนต่างประเทศยังเฝ้ามองตลาดหุ้นไทยอยู่ แต่รอข้อมูลด้านการลงทุนของไทย ถือว่ามีโอกาสที่เงินลงทุนจะไหลกลับเข้ามา ซึ่งการไหลเข้าของเงินทุน มีทั้งเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ค่าเงิน เข้ามาเกี่ยวข้อง หากเห็นว่าค่าเงินบาทจะแข็ง จะมีเงินไหลเข้ามาพักที่พันธบัตร และมาพักที่หุ้นด้วย

ปัจจุบัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มออก จะเห็นว่าโครงการคนละครึ่ง ช่วยทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในวันนี้ ( 7 ต.ค.68) เพราะมีการมองว่าหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภคจะได้ประโยชน์

ขณะที่ ตลาดหุ้นไทย มีอัตราผลตอบแทนของเงินปันผลสูงเมื่อเทียบกับประเทศอาเซียน โดย 8 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่นักลงทุนต่างประเทศมองว่า หุ้นไทยควรจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ ROI เพิ่มขึ้น ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพด้านความสามารถการทำกำไร และมีโครงการซื้อหุ้นคืน หรือ Treasury buyback และมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่มากขึ้น ซึ่งเป็นสตอรี่ที่ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไทยกำลังทำโครงการ Jump+ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ ในขณะที่ธนาคารหลายแห่งมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น

“เงินทุนส่วนใหญ่ยังอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา แต่มีแนวโน้มไหลเข้ามาเอเชียมากขึ้น ด้านตลาดหุ้นไทยก็ยังเป็นตลาดที่นักลงทุนต่างประเทศจับตาอยู่ ไม่ได้ถูกเมินเฉย เพียงแต่รอสตอรี่การเติบโตของเศรษฐกิจและของบริษัทจดทะเบียนอยู่ ซึ่งบอกไม่ได้ว่าเงินทุนจะเข้ามาเมื่อไหร่ บอกได้แต่ว่ามีโอกาสที่จะเห็นเงินไหลเข้า”นายศรพล กล่าว

อ่านข่าวอื่นๆ : https://hoonsmart.com/archives/381261