HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 43 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และยืนเหนือ 6,700 จุดเป็นครั้งแรก นักลงทุนมองซัตดาวน์หน่วยงานสหรัฐฯ เป็นภาวะชั่วคราว กระทบเศรษฐกิจเล็กน้อย ยังหวังเฟดดอกเบี้ยเดือนต.ค. ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก ดัชนี STOXX 600 ปิดนิวไฮแรงหนุนหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์หลังข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และ Pfizer ช่วยลดความไม่แน่นอน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ปิดที่ 46,441.10 จุด เพิ่มขึ้น 43.21 จุด หรือ +0.09% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และยืนเหนือ 6,700 จุดเป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการปิดทำการ(shutdown) ของหน่วยงานรัฐบาลจะเป็นภาวะชั่วคราว และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย รวมทั้งคาดหวังว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคม
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,711.20 จุด เพิ่มขึ้น 22.74 จุด, +0.34%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,755.16 จุด เพิ่มขึ้น 95.15 จุด, +0.42%
ในช่วงแรกตลาดปรับตัวลง หลังหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องปิดทำการหลังจากความพยายามที่จะผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของพรรครีพับลิกันซึ่งครองเสียงส่วนใหญ่วุฒิสภาไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากพรรคเดโมแครตหวังที่จะใช้มาตรการนี้เพื่อร่างกฎหมายขยายระยะเวลาเครดิตภาษีด้านการดูแลสุขภาพสำหรับชาวอเมริกันหลายล้านคน
สำนักงานงบประมาณรัฐสภาประเมินเมื่อวันอังคารว่าการปิดหน่วยงานรัฐจะส่งผลให้พนักงานรัฐบาลกลางประมาณ 750,000 คนต้องถูกพักงานชั่วคราว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทรัมป์ขู่ว่าจะปลดพนักงานรัฐบาลกลางจำนวนมากอย่างถาวรภายใต้การปิดหน่วยงาน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงทางเศรษฐกิจใหม่จากการปิดหน่วยงานครั้งนี้
ในครั้งนี้ ตลาดน่าจะให้ความสำคัญกับระยะเวลาของการปิดทำการ เนื่องจากการปิดทำการเป็นเวลานานอาจทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญๆ ล่าช้าออกไปก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในช่วงปลายเดือนตุลาคม กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่าจะปิดทำการเกือบทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนกันยายนในช่วงปลายสัปดาห์
นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่สนใจผลกระทบทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้จากการปิดหน่วยงานรัฐบาล อย่างน้อยก็ในตอนนี้ และนักลงทุนหันไปให้ความสนใจกับข้อมูลการจ้างงาน ที่อ่อนแอของ ADP ซึ่งช่วยยืนยันมุมมองต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนตุลาคม
ADP รายงานการจ้างงานของภาคเอกชนเดือนกันยายนว่า ลดลง 32,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานเดือนสิงหาคมเป็นลดลง 3,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 54,000 ตำแหน่ง นักวิเคราะห์คาดว่าการจ่างงานเดือนกันยายนจะเพิ่มขึ้น 52,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนให้น้ำหนักประมาณ 99% ว่าจะมีการปรับลดในช่วงปลายเดือนนี้ และโอกาสสำหรับการปรับลดในเดือนธันวาคม ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 87% เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน
ตลาดพลิกกลับมาบวกด้วยรับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ โดยเฉพาะบริษัทยาที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่สอง เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมยาจะบรรลุข้อตกลงเพิ่มเติมกับรัฐบาลทรัมป์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Pfizer ได้รับการยกเว้นภาษีเป็นเวลา 3 ปี เพื่อแลกกับการลงทุนในการผลิตในประเทศและการลดราคายาสำหรับผู้ป่วยโครงการ Medicaid หุ้น Pfizer
Merck, Eli Lilly และ Amgen ต่างปรับขึ้นประมาณ 6% หุ้น Regeneron Pharmaceuticals และ Moderna เพิ่มขึ้นกว่า 6%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกโดยดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์หลังจากข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และ Pfizer ช่วยลดความไม่แน่นอนในภาคส่วนนี้ ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตามองการเริ่มต้นของการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ
ดัชนี STOXX 600 ทำสถิติเพิ่มขึ้นรายวันสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยดัชนี FTSE 100 ของลอนดอนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 564.62 จุด เพิ่มขึ้น 6.44 จุด, +1.15%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,446.43 จุด เพิ่มขึ้น 96.00 จุด, +1.03%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,966.95 จุด เพิ่มขึ้น 71.01 จุด, +0.90%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,113.62 จุด เพิ่มขึ้น 232.90 จุด, +0.98%
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์พุ่งขึ้น 5.4% เป็นการปรับขึ้นรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2008 เมื่อวันอังคาร Pfizer ตกลงที่จะลดราคายาตามใบสั่งแพทย์ในโครงการ Medicaid ของสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการลดภาษีศุลกากร
หุ้นบริษัทยาอื่นๆ เช่น Ambu เพิ่มขึ้น 9.3%, หุ้น Sartorius บวก 9.5%, หุ้น Merck เพิ่มขึ้น 10%, หุ้น Roche เพิ่มขึ้น8.6% และ หุ้น AstraZeneca พุ่ง11.2%
หุ้น Novartis เพิ่มขึ้น 3.9% หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) อนุมัติยารับประทานสำหรับโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง
หุ้นทุกกลุ่มเคลื่อนไหวในแดนบวก ยกเว้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการที่ลดลง 0.4%
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ ได้สั่งปิดทำการส่วนใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ไม่มีการเผยแพร่รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ที่กำหนดไว้ในวันศุกร์ และคาดว่าการขาดข้อมูลจะทำให้ความผันผวนในตลาดเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประเมินภาวะเศรษฐกิจในระยะใกล้
รายงานการจ้างงานภาคเอกชนออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ในช่วงเช้า ส่งผลให้การคาดการณ์ต่อการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ในยุโรป ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการผลิตของยูโรโซนกลับสู่ภาวะหดตัวอีกครั้งในเดือนกันยายน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นจากราคาบริการที่สูงขึ้นและต้นทุนพลังงานที่ลดลงเล็กน้อย
กิจกรรมการผลิตในสหราชอาณาจักรหดตัวในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 5 เดือน นอกจากนี้ยังมีรายงานการลดลงในฝรั่งเศสและเยอรมนีด้วย
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 59 เซนต์ หรือ 0.95% ปิดที่ 61.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 68 เซนต์ หรือ 1.03% ปิดที่ 65.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

