HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 81 จุด แม้นักลงทุนกังวลรัฐบาลสหรัฐฯ เสี่ยงชัตดาวน์เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี พร้อม ประเมินผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีครั้งล่าสุดของทรัมป์ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวกเล็กน้อย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 30 กันยายน 2568 ปิดที่ 46,397.89 จุด เพิ่มขึ้น 81.82 จุด หรือ +0.18% แม้นักลงทุนกังวลกับการที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการปิดหน่วยงานเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการขึ้นภาษีครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,688.46 จุด เพิ่มขึ้น 27.25 จุด, +0.41%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,660.01 จุด เพิ่มขึ้น 68.86 จุด, +0.30%
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดทำสถิติใหม่ ขณะที่ทั้งดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ในไตรมาสที่ 3 ปรับขึ้นได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 และปรับขึ้นในเดือนกันยายนที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010
งบประมาณของรัฐบาลจะหมดลงภายในเที่ยงคืนวันที่ 30 กันยายน(ตามเวลาสหรัฐ) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอังคารเกี่ยวกับสถานการณ์การปิดหน่วยงานว่า “ไม่มีอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้”
ความหวังในการบรรลุข้อตกลงในนาทีสุดท้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานหายไปหลังจากที่ทรัมป์และพรรครีพับลิกันได้พบกับพรรคเดโมแครตที่ทำเนียบเมื่อวันจันทร์ แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดเบิกงบประมาณได้ รองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ กล่าวว่า“ผมคิดว่าเรากำลังมุ่งหน้าสู่การปิดทำการ”
การปิดทำการของหน่วยงานรัฐส่งผลให้ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอาจล่าช้าออกไป และgอาจจะมีผลต่อการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)
รายงานการจ้างงานประจำเดือนกันยายนมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ หลังจากที่รัฐบาลเริ่มปิดทำการบางส่วน สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่าจะไม่ออกรายงานเศรษฐกิจ ในช่วงที่รัฐบาลปิดทำการ
รายงานการจ้างงานเป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญที่จะเผยแพร่เร็วๆ นี้ ซึ่งจะให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจก่อนการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม สัญญาณล่าสุดของความตึงเครียดทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร เมื่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายนออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
การปิดทำการเป็นเวลานานอาจทำให้การเผยแพร่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในช่วงกลางเดือนตุลาคมล่าช้าออกไป
ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อวานนี้ ได้แก่ ผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS)เดือนสิงหาคมจากกระทรวงแรงงาน ซึ่งเพิ่มขึ้น 19,000 ตำแหน่ง มาที่ 7.227 ล้านตำแหน่ง สูงกว่า 7.185 ล้านตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด
ตัวเลข JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญ โดยเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาด แรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด
จิม รีด นักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank กล่าว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจไม่มีข้อมูลพร้อมกันสำหรับการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะเริ่มในวันที่ 28 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม มีการปิดหน่วยงานรัฐบาลเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่กินเวลานานกว่าสองสามสัปดาห์
โดยส่วนใหญ่แล้ว ตลาดหุ้นรับมือกับสถานการณ์การปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลได้อย่างสบายๆ ในอดีต การปิดทำการส่งผลกระทบต่อตลาดเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมักเกิดขึ้นไม่เกินสองสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนกังวลว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจส่งผลเสียอย่างมากในช่วงเวลานี้ หากรัฐบาลทรัมป์ดำเนินการตามคำขู่ที่จะปลดพนักงานรัฐบาลกลางจำนวนมาก หรือหากคำขู่ดังกล่าวยืดเยื้อเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
การปิดหน่วยงานยังอาจทำให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทบทวนอันดับเครดิตของสินเชื่อของสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการปรับลดระดับโดย Moody’s ในเดือนพฤษภาคม
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นได้แก่ ผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของ Conference Board เดือนกันยายนที่ลง 3.6 จุด มาที่ 94.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ทรัมป์ประกาศนโยบายาภาษีและต่ำกว่า 96.0 ที่นักวิเคราะห์คาด
เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้มีมติกำหนดอัตราภาษีนำเข้าไม้ ตู้ครัว และเฟอร์นิเจอร์บางประเภท ซึ่งในเบื้องต้นจะกำหนดอัตราภาษีที่ต่ำกว่าที่เขาได้ระบุไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภาษีดังกล่าวมีกำหนดจะเริ่มในวันที่ 14 ตุลาคม
หุ้นซอฟต์แวร์ร่วงลง โดย Paychex ลดกว่า 1% หลังจากผลประกอบการรายไตรมาส และ Salesforce ร่วงลง 3.3% Nvidiaบวก 2.60% ปรับขึ้นตาม CoreWeave ที่พุ่งขึ้น 11.70% CoreWeave ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia ได้ประกาศข้อตกลงโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ปัญญาประดิษฐ์มูลค่า 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์กับ Meta Platforms
หุ้น Pfizer พุ่งขึ้น 6.8% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลจะปรับลดราคายาตามใบสั่งแพทย์ทั้งหมดในโครงการ Medicaid สำหรับชาวอเมริกันที่มีรายได้น้อย และจะขายยาตามใบสั่งแพทย์ใหม่ในราคาเท่ากับประเทศที่มีราคายาต่ำสุดในโลก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยและฟื้นตัวจากที่ปรับลงในช่วงแรก ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานถ่วงการปรับขึ้นในภาพรวม ขณะที่นักลงทุนกำลังพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อตลาดการเงิน
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สาม และอยู่ในแดนบวกเป็นเดือนที่สาม ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ดัชนี FTSE 100 ของลอนดอนทำสถิติสูงสุดใหม่ระหว่างวัน
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 558.18 จุด เพิ่มขึ้น 2.65 จุด, +0.48%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,350.43 จุด เพิ่มขึ้น 50.59 จุด, +0.54%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,895.94 จุด เพิ่มขึ้น 15.07 จุด, +0.19%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,880.72 จุด เพิ่มขึ้น 135.66 จุด, +0.57%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นกลุ่มสื่อปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% และกลุ่มค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเฮลธ์แคร์เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนี STOXX 600
หุ้นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติลดลง 1.6% ซึ่งถือเป็นการลดลงในวันเดียวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่าสามสัปดาห์ นักลงทุนคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกพลัสจะเพิ่มขึ้นในปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันร่วงลง
หุ้น TotalEnergies ของฝรั่งเศสและ BP ของอังกฤษร่วงลงกว่า 1% เช่นกัน
หุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่ยังคงปรับลง ได้แก่ หุ้นยานยนต์และชิ้นส่วน ลดลง 0.4% และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการ ลดลง 0.3%
นักลงทุนจับตาว่าหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอาจต้องปิดทำการ เนื่องจากการเจรจางบ ประมาณกับพรรคเดโมแครตหยุดชะงัก ซึ่งอาจส่งผลให้การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่สำคัญ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจ ล่าช้าออกไปในสัปดาห์นี้
ตลาดต่างจับตามองข้อมูลตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ซึ่งมีอ่อนตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป จน
ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย
คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า เศรษฐกิจยูโรโซนรับมือกับภาษีนำเข้า ของสหรัฐฯ ได้ดีกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ทำให้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ “ค่อนข้างจำกัด” โดยตัวเลขเงินเฟ้อบ่งชี้ว่าการราคาโดยรวมในกลุ่มยูโรโซน 20 ประเทศได้ปรับสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรเติบโต 0.3% ในไตรมาสที่สอง อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นของฝรั่งเศสอยู่ที่ 1.1% ในเดือนกันยายน และอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีใน 4 รัฐสำคัญปรับตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับการคาดการณ์
ส่วนหุ้นรายตัว Lufthansa สายการบินของเยอรมนีร่วงลง 7.1% กลบการปรับขึ้นติดต่อกัน 5 วันก่อนหน้า เพราะอาจเผชิญกับการประท้วงหยุดงาน หลังจากที่สหภาพนักบิน VC ระบุว่าสมาชิกได้ลงมติเห็นชอบการหยุดงานประท้วงเนื่องจากข้อพิพาทเรื่องเงินบำนาญ
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 62.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 95 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 67.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

