HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดาวโจนส์ลดลง 173 จุด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดีกว่าคาด แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐมีความความไม่แน่นอนมากขึ้น นักลงทุนจับตาดัชนี PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญในวันศุกร์ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” WTI ลดลง 1 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 25 กันยายน 2568 ปิดที่ 45,947.32 จุด ลดลง 173.96 จุด หรือ -0.38% หลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาดทำให้แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐมีความความไม่แน่นอนมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาดัชนีรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Expenditures price index) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญในวันศุกร์ ที่อาจให้สัญญานต่อทิศทางของอัตราดอกเบี้ยได้
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,604.72 จุด ลดลง 33.25 จุด, -0.50%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,384.70 จุด ลดลง 113.16 จุด, -0.50%
ตลาดยังเผชิญแรงขายหุ้น AI ต่อเนื่อง นำโดยหุ้น Oracle ที่ร่วงลง 5% และลดลงเป็นวันที่สามติดต่อกัน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการซื้อขายในธีม AI รวมทั้งมูลค่าหุ้นที่สูงเป็นประวัติการณ์และความสัมพันธ์แบบวงจรที่อาจทำให้อุตสาหกรรม AI มีความเสี่ยงหลังจากข้อตกลงล่าสุด
ขณะเดียวกัน แรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กำลังเริ่มจางหายไป ด้วยสัญญาณความแตกแยกในหมู่ผู้กำหนดนโยบาย บวกกับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ดีกว่าคาดทำให้ความหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้ลดน้อยลง
กระทรวงแรงงานรายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 กันยายน ลดลง 14,000 ราย มาที่ 218,000 ราย และต่ำกว่า 235,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ส่วนการยื่นขอรับสวัสดิการต่อเนื่องลดลงเล็กน้อยเหลือ 1.92 ล้านราย
หลังจากข้อมูลการขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้นต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งสูงขึ้นส่งผลให้มีการขายหุ้นเทคโนโลยีมากขึ้น และนักลงทุนลดความเสี่ยงลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี พุ่งแตะระดับ 4.2%
ขณะเดียวกัน GDP ไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 3.8% ต่อปี ฟื้นตัวจากการลดลง 0.6% ในไตรมาสที่ 1 และสูงกว่าประมาณการ 3.3% อย่างมาก
ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่ง รวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาสที่สองขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังการทบทวน อาจหมายความว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ซึ่งจะบั่นทอนปัจจัยกระตุ้นสำคัญสำหรับขาขึ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่น กระทรวงพาณิชย์รายงาน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 2.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.3%
นักลงทุนยังคงระมัดระวังก่อนการรายงานดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Price Index)เดือนสิงหาคม ในวันศุกร์ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี
นอกจากนี้ยังติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่หน่วยงานรัฐบาลอาจจะต้องปิดทำการ หากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับงบประมาณจนนำไปสู่การชัตดาวน์ในช่วงสิ้นเดือนนี้ รายงานของ NBC News เผยว่า สำนักงานบริหารและงบประมาณ (Office of Management and Budget)ได้ให้หน่วยงานต่างๆ จัดทำแผนลดจำนวนพนักงานหากรัฐบาลต้องปิดทำการ ซึ่งอาจนำไปสู่การปลดพนักงานจำนวนมากของรัฐบาลกลาง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทางการแพทย์ หลังจากที่สหรัฐฯ เริ่มการตรวจสอบการนำเข้าสินค้ารอบใหม่ ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ และข้อมูลเศรษฐกิจ เพื่อหาสัปญญานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของธนาคารกลาง
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 550.22 จุด ลดลง 3.66 จุด, -0.66%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,213.98 จุด ลดลง 36.45 จุด, -0.39%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,795.42 จุด ลดลง 32.03 จุด, -0.41%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,534.83 จุด ลดลง 131.98 จุด, -0.56%
ในกลุ่มอุตสาหกรรม หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ลดลงมากที่สุด 1.9% โดยบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ Siemens Healthineers ของเยอรมนี ร่วงลง 3.4% หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่าได้เปิดการสอบสวนด้านความมั่นคงแห่งชาติครั้งใหม่เกี่ยวกับการนำเข้าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล อุปกรณ์ทางการแพทย์ หุ่นยนต์ และเครื่องจักรอุตสาหกรรม
Coloplast ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์จากเดนมาร์ก และ Philips บริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์จากเนเธอร์แลนด์ ต่างร่วงลงกว่า 3% เช่นกัน
กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ลดลงมากที่สุดเช่นกัน โดยลดลง 1.5% ขณะที่สินค้าและบริการอุตสาหกรรมลดลง 0.8%
ในกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น H&M ผู้ค้าปลีกแฟชั่นของสวีเดนพุ่งขึ้น 9.8% หลังจากที่รายงานผลกำไรไตรมาสที่สามเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก
กลุ่มเหมืองแร่เพิ่มขึ้น 0.6% ตามราคาทองแดงที่พุ่งสูงขึ้น โดยราคาทองแดงในเซี่ยงไฮ้แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน
ตลาดลดความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%ในการประชุมเดือนตุลาคม หลังจากการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้
ขณะนี้ นักลงทุนกำลังมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)ของสหรัฐ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญในวันศุกร์ ซึ่งอาจส่งผลต่อการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 64.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 69.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
