ดาวโจนส์ปิดลบ 171 จุด สัญญาณจากเจ้าหน้าที่เฟดสับสน

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดาวโจนส์ลดลง 171 จุด ด้วยข้อความที่สับสนจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ผสมแรงขายต่อเนื่องในหุ้น Nvidia Oracle ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” พุ่ง 2.49% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 24 กันยายน 2568 ปิดที่ 46,121.28 จุด ลดลง 171.50 จุด หรือ -0.37% ด้วยข้อความที่สับสนจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย และแรงขายที่ต่อเนื่องในหุ้น Nvidia Oracle

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,637.97 จุด ลดลง 18.95 จุด, -0.28%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,497.86 จุด ลดลง 75.62 จุด, -0.33%

ปัจจัยที่กดดันหุ้น คือความเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ตลาดให้ความสนใจในขณะนี้ โดยความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับแนวทางนโยบายที่ควรจะเป็น ท่ามกลางการชะลอตัวของตลาดแรงงาน

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ย้ำในสุนทรพจน์เมื่อวันอังคารว่า ธนาคารกลางจะดำเนินการอย่างระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แม้จะเปิดโอกาสให้มีการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นก็ตาม และยังเตือนว่าราคาหุ้นมีมูลค่าค่อนข้างสูง ทำให้บรรดานักลงทุนทำกำไร

หุ้น Nvidia ร่วงลงเกือบ 1% ต่อเนื่องมาจากวันอังคาร จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับลักษณะการหมุนเวียนของอุตสาหกรรม AI ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ผู้ผลิตชิปรายนี้ได้ประกาศความร่วมมือมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์กับ OpenAI ส่วน Oracle ซึ่งเป็นบริษัท AI ชั้นนำก็ร่วงลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยร่วงลงเกือบ 2% ในวันพุธ

หุ้น Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนพุ่งสูงถึง 10% จากการให้คำมั่นที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้าน AI เกินเป้าหมายเดิมที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์

ตลาดกำลังนับถอยหลังสู่การเปิดเผยดัชนีรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Expenditures price index) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญในวันศุกร์ เพื่อให้ชัดเจนว่าเงินเฟ้อจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อการลดอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้ตามที่คาดหวังไว้สูง

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเศรษฐกิจอื่นที่กำหนดรายงานในสัปดาห์นนี้ด้วย ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนสิงหาคม ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 และยอดขายบ้านมือสองเดือนสิงหาคม

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ คือยอดขายบ้านใหม่เดือนสิงหาคมจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯที่พุ่งขึ้น 20.5% มาที่ 800,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 และสูงกว่า 630,000 ยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

ส่วนความเคลื่อนไหวหุ้นรายตัวนั้น Intel ผู้ผลิตชิป พุ่งขึ้นมากกว่า 6% ในท้ายชั่วโมงซื้อขาย หลังจากที่ Bloomberg News รายงานว่าบริษัทได้ติดต่อ Apple เกี่ยวกับการลงทุนในบริษัท

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากการปรับขึ้นของหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศถูกกลบจากแรงขายในกลุ่มเฮลธ์แคร์และสินค้าฟุ่มเฟือย ขณะที่นักลงทุนต่างจับตาสัญญาณใหม่ๆ จากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ

ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 553.88 จุด ลดลง 1.07 จุด, -0.19%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,250.43 จุด เพิ่มขึ้น 27.11 จุด, +0.29%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,827.45 จุด ลดลง 44.57 จุด, -0.57%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,666.81 จุด เพิ่มขึ้น 55.48 จุด, +0.23%

กลุ่มทรัพยากรพื้นฐานพุ่งขึ้น 1.8% เนื่องจากราคาทองแดงพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ส่งผลให้กลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.5%

หุ้น Anglo Americanพุ่งขึ้น 4.7% หลังจาก Endiama ยื่นประมูลซื้อหุ้นส่วนน้อยใน De Beers ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเพชรของเหมือง

หุ้นกลุ่มป้องกันประเทศ ทั้ง Rheinmetall, Hensoldt และ SAAB เพิ่มขึ้นระหว่าง 3% ถึง 8% หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาเชื่อว่ายูเครนสามารถยึดครองดินแดนทั้งหมดที่ถูกรัสเซียยึดครองคืนได้ และควรดำเนินการทันที

การลดลงของหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยอย่าง LVMH, Hermes, Richemont และ EssilorLuxottica จำกัดการปรับขึ้นของดัชนี STOXX 600 ดัชนีกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง 1.5%

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ลดลง 0.6% โดยหุ้นใหญ่อย่าง AstraZeneca และ Roche ลดลง 2% และ 0.4% ตามลำดับ

หุ้นกลุ่มยานยนต์ลดลง 0.6% หลังจาก Bloomberg News รายงานว่าสหรัฐได้ลดภาษีนำเข้ารถยนต์อย่างเป็นทางการ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม

ผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนกันยายน ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ หรือ 2.49% ปิดที่ 64.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.48% ปิดที่ 69.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล