ดาวโจนส์ปิดร่วง 496 จุด วิตกเศรษฐกิจจีน ยุโรป

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดลดลง 2.02% นักลงทุนวิตกเศรษฐกิจจีน-ยุโรปชะลอ ฉุดเศรษฐกิจโลก ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดแดนลบ ราคาน้ำมัน WTI ร่วงกว่า 2.7%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 14 ธันวาคม 2561 ที่ 24,100.51 จุด ลดลง 496.87 จุด 2.02% นักลงทุนวิตกถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ยุโรปต่ำกว่าคาด รวมทั้งแนวโน้มการอ่อนตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น แม้จีนประกาศลดอัตราภาษีชั่วคราวมาที่ 15% จาก 40%ให้กับรถยนต์ที่ผลิตและนำเข้าจากสหรัฐมีผลวันที่ 1 มกราคม 2562 ขณะที่การเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนยังเดินหน้า และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความว่า ข้อตกลงใหญ่และเบ็ดเสร็จกับจีนจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2599.95 จุด ลดลง 50.59 จุด,-1.91,%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,910.67 จุด ลดลง 159.67 จุด,-2.26%

ไตรมาสนี้ดัชนี S&P 500 ลดลง 11% นับเป็นการปรับตัวลดลงที่เลวร้ายสุดของรายไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2011 และเลวร้ายสุดของปีนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม

ตัวเลขค้าปลีกของจีนเดือนพฤศจิกายนลดลงมาที่ 8.1% ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2003 ส่วนตัวเลขการผลิตอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 5.4% จากระยะเดียวกันของปีก่อนชะลอตัวมากสุดในรอบเกือบ 3 ปีและเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2003

ส่วนในญี่ปุ่นดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจสะท้อนว่าบริษัทญี่ปุ่นประเมินว่าสถานการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะเลวร้ายลงอีก

ทางด้านยุโรปการเติบโตของภาคธุรกิจชะลอตัวลงในเดือนธันวาคมมาที่ระดับต่ำสุด โดยไอเอชเอสมาร์กิตเผยตัวเลขดัชนีฝู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) เดือนธันวาคมลดลงมาที่ 51.7 ต่ำสุดในรอบ 4 ปี เพราะธุรกิจใหม่เกิดขึ้นน้อยลง การจ้างงานลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปีและความเชื่อมั่นธุรกิจลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการประท้วงในฝรั่งเศส

กองทุนPIMCO (Pacific Investment Management Company, LLC) ประเมินว่า ความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 30% เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่ขยายตัวมาต่อเนื่อง 9 ปี

หุ้นจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งจัดเป็นหุ้น defensive ที่ได้รับความนิยม ลดลง 10% หลังจากรายงานข่าวเจาะลึกของรอยเตอร์สระบุว่า บริษัทมีข้อมูลมาตลอด 10 ปีว่าแป้งเด็กที่บริษัทผลิตมีแร่ใยหินปนเปื้อน

หุ้น Costco Wholesales Corp ลดลง 8.59% หลังรายได้ต่ำกว่าคาด หุ้นอะโดบีลดลง 7.29% จากผลกระกอบการต่ำกว่าคาด

หุ้นแอปเปิลลดลง 3.2 % หลังจากนักวิเคราะห์ชื่อดัง หมิง ชื่อ กั๊ว จาก TF International Securities ปรับลดประมาณการส่งไอโฟนลง 20%

ตลาดยุโรปปิดลบจากความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศหลักๆ ต่ำกว่าคาด ประกอบกับความไม่แน่นอนของการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ จากนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอักฤษยืนยันว่ายังมีความเป็นได้ที่จะเจรจากับอียูเกี่ยวกับเงื่อนไขการถอนตัว ขณะที่ผู้นำอียูกล่าวว่า ข้อตกลงการถอนตัวไม่เปิดให้มีการเจรจารอบใหม่

หุ้นกลุ่มทรัพยากรซึ่งมีธุรกิจส่วนใหญ่เกี่ยวกับจีนยังปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.16% จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจีน หุ้นกลุ่มยานยนต์ลดลง 1.29% โดยหุ้นโฟล์คสวาเกน หุ้นเรย์โนลด์ หุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์นำการลดลงของยอดขายระยนต์ยุโรปเดือนพฤศจิกายนถึง 8.1%

หุ้น Scout ในตลาดหุ้นเยอรมนีเพิ่มขึ้น 13.57% หลังจากประกาศที่จะขายกิจการในมูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลให้บริษัทกลับไปเป็นบริษัทนอกตลาด

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,845.17 จุด ลดลง 32.33 จุด,-0.47%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 347.21 จุด ลดลง 2.21 จุด,-0.63%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,854.70 จุด ลดลง 43.22 จุด,-0.88%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,866 .77 จุด ลดลง 58.93 จุด, -0.54%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคมลดลง 1.38 ดอลลาร์ หรือ -2.7% ปิดที่ 51.2 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 1.17 ดอลลาร์ปิดที่ 60.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์