ดาวโจนส์ปิดบวก 66 จุด S&P 500 – Nasdaq ทำสถิติใหม่ต่อวันที่ 3 Nvidia พุ่ง

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักสร้างสถิติใหม่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ดาวโจนส์ปิดบวก 66 จุด แรงหนุนหุ้น Nvidia พุ่งหลังประกาศความร่วมมือ OpenAI ดันหุ้นกลุ่มเทคคึกคัก ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” WTI ลดลง 4 เซนต์ ปิดที่ 62.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 22 กันยายน 2568 รวมทั้งดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq สร้างสถิติใหม่ต่อเนื่องเป็นวันที่สามจากการปรับขึ้นของ Nvidia หลังประกาศความร่วมมือกับ OpenAI ทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 46,381.54 จุด เพิ่มขึ้น 66.27 จุด, +0.14%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,693.75 จุด เพิ่มขึ้น 29.39 จุด, +0.44%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,788.98 จุด เพิ่มขึ้น 157.50 จุด, +0.70%

ราคาหุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3.9%แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากบริษัทประกาศว่าจะลงทุนสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ใน OpenAI ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่ง แซม สโตวาล หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA Research กล่าวว่า ข้อตกลงใหม่นี้อาจบ่งชี้ว่าการซื้อขายในธีม AI จะยังคง ผลักดันการเติบโตของ EPS และราคาหุ้นไปจนถึงปี 2026 และปีต่อๆ ไป

หุ้น Oracle ก็พุ่งสูงขึ้น 6% เช่นกัน ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวก็ยืนยันว่าบริษัทจะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักลงทุนที่จะควบคุมการดำเนินงานของ TikTok ในสหรัฐอเมริกา

หุ้น Tesla เพิ่มขึ้น 1.9% ใกล้ระดับสูงสุดในปี 2025 เนื่องจากนักลงทุนมองไปข้างหน้าถึงอนาคตของบริษัทจากยานยนต์ไร้คนขับและผลิตภัณฑ์ใหม่

หุ้น Apple ก็เพิ่มขึ้นถึง 4% จากความต้องการ iPhone รุ่นใหม่

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นที่หน่วยงานรัฐบาลอาจจะประสบกับการชัตดาวน์จำกัดการปรับขึ้นของตลาด สัปดาห์ที่แล้ว วุฒิสภาปฏิเสธข้อเสนอของพรรครีพับลิกันและเดโมแครตที่จะจัดสรรงบประมาณให้รัฐบาลกลางอย่างน้อยก็ชั่วคราว ชัค ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พบกับพรรคเดโมแครตเพื่อบรรลุข้อตกลง ทั้งนี้เส้นตายสำหรับสมาชิกสภานิติบัญญัติต้องเห็นชอบการจัดสรรเงินให้รัฐบาลคือวันที่ 30 กันยายน

นอกจากนี้ตลาดยังรอการรายงานดัชนีรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Expenditures price index) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ใฟ้ความสำคัญในวันศุกร์ เพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ย ซึ่งหากออกมาอ่อนตัวลงน่าจะเพิ่มโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25%ในเดือนตุลาคม แม้ตลาดคาดการณ์ว่า PCE ในเดือนกันยายนจะแสดงให้เห็นว่ายังคงมีแรงกดดันด้านราคา แต่อยู่ในระดับต่ำมากพอที่จะทำให้เฟดยังคงเดินหน้าต่อไปได้

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจะรอสัญญาณอื่นๆ จากผู้กำหนดนโยบายของเฟดที่มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า รวมทั้งประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ในวันอังคาร

สตีเฟน มิแรน ผู้ว่าการเฟดคนใหม่ที่ประธานาธิบดีทรัมป์สนับสนุนกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เขาเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะลดลงประมาณ 2%

ตลาดยังจับตาดูผลกระทบจากการปราบปรามผู้อพยพครั้งล่าสุดของทรัมป์ เมื่อวันศุกร์ คณะบริหารของทรัมป์กล่าวว่าบริษัทในสหรัฐฯ จะต้องเสียค่าธรรมเนียม 100,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับค่าธรรมเนียมวีซ่าทำงาน H1-B สำหรับผู้ที่ทำงานด้านเทคโนโลยี ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Microsoft

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบด้วยแรงกดดันจากบริษัทรถยนต์ แม้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและเหมืองแร่จะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นมาดริดปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งสัปดาห์

ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงมากถึง 0.4% ก่อนที่จะฟื้นตัวมาปิดลดลง 0.1% เนื่องจากแรงกดดันจากหุ้นกลุ่ม defensive stock เช่น Unilever และ Nestle
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 553.40 จุด ลดลง 0.72 จุด, -0.13%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,226.68 จุด เพิ่มขึ้น 10.01 จุด, +0.11%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,830.11 จุด ลดลง 23.48 จุด, -0.30%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,527.05 จุด ลดลง 112.36 จุด, -0.48%

ธนาคารสเปนฉุดดัชนีของตลาดมาดริดลง 1.2% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน

หุ้นธนาคารในยูโรโซนร่วงลง 0.9% โดยหุ้นธนาคาร Sabadell ของสเปนร่วงลง 3.9% หลังจากที่ BBVA ซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่กว่า ประกาศว่าได้เพิ่มราคาเสนอซื้อหุ้นธนาคารขึ้น 10%
เป็น 3.39 ยูโรต่อหุ้น ส่วนหุ้น BBVA ก็ร่วงลง 2.6% เช่นกัน

หุ้น Porsche ร่วงลงกว่า 8% ซึ่งเป็นผลประกอบการที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบเกือบสามปี หลังจากที่ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้เตือนถึงความล่าช้าในการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า และปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2025 ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีรถยนต์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน

หุ้น Volkswagen ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Porsche ซึ่งปรับลดคาดการณ์กำไรปี 2025 ลงเช่นกัน ร่วงลง 7.1%

หุ้น Roche ซึ่งเป็นหุ้นรายใหญ่ที่ปรับขึ้น 2.3% ช่วยไม่ให้ดัชนี STOXX 600 ลดลงมากบริษัทยาแห่งนี้ส่งสัญญาณถึงเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นสู่อันดับสูงของตลาดผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักที่กำลังเฟื่องฟู เทียบเท่ากับ Eli Lilly และ Novo Nordisk

หุ้นเทคโนโลยีก็ช่วยจำกัดการลดลงของตลาดเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 0.8% ขณะที่ ASML และ ASMI ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.1% และ 1.7% ตามลำดับ

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ในยุโรปเพิ่มขึ้น 1.4% โดย Fresnillo ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่โลหะมีค่าที่จดทะเบียนในสหราชอาณาจักร อยู่ในกลุ่มที่ปรับขึ้นสูงสุด โดยเพิ่มขึ้น 4.6% จากราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

บริษัทเหมืองชั้นนำรายอื่นๆ รวมทั้ง Glencore และ Rio Tinto เพิ่มขึ้น 2% และ 2.1% ตามลำดับ

นักลงทุนกำลังประเมินความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างน้อย 5 คน ซึ่งหลายคนตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อีกครั้ง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมาย และตลาดแรงงานยังคงทรงตัว นักลงทุนต่างจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันอังคาร ซึ่งเป็นวันเดียวกันที่ข้อมูล PMI เบื้องต้นเดือนกันยายนยุโรปกำหนดเผยแพร่

รวมไปถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสวีเดน ขณะที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์จะมีการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยขึ้นในวันพฤหัสบดี และอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐฯ ในวันศุกร์

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 62.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 11เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 66.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–