HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดโลว์ของวันที่ 1,282.54 จุด ลดลง 10.18 จุด หรือ -0.79% หลุดแนวรับสำคัญ 1,285 จุด วอลุมแค่ 31,595 ล้านบาท ไร้ปัจจัยหนุนใหม่ รอรัฐบาลใหม่แถลงนโยบาย หันเล่นหุ้นตัวเล็ก ทิ้งหุ้น “พลังงานบริสุทธิ์”(EA) “เน็กซ์ พอยท์” (NEX) จบข่าว TOR รถเมล์อีวี 1,520 คัน 15,355.6 ล้านบาท ต่างชาติขายต่อ 1,671.74 ล้านบาท ด้านธนาคารทิสโก้ชี้เป้า 3 สินทรัพย์ สร้างกำไรช่วงเฟดลดดอกเบี้ย วันนี้ทองคำเพิ่มขึ้น 500 บาท สัญญาล่วงหน้า 3,759.40 เหรียญสหรัฐฯ

วันที่ 22 ก.ย.2568 ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งบวกและติดลบ ส่วนตลาดหุ้นไทยดัชนีปิดที่จุดต่ำสุด 1,282.54 จุด ลดลง 10.18 จุด หรือ -0.79% มูลค่าซื้อขายเพียง 31,595.35 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายต่อ 1,671.74 ล้านบาท สถาบันไทยร่วมด้วย 1,554.85 ล้านบาท
สวนทางนักลงทุนไทยช้อนเก็บ 3,511.71 ล้านบาท
นักลงทุนเล่นหุ้นตัวเล็ก ไล่ราคาเพิ่มขึ้นแรงผิดปกติหลายตัว ส่วนหุ้นร้อน เก็งกำไรหุ้นบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ (EA) ไล่ราคาขึ้นไปสูงสุดแตะ 3.84 บาท ก่อนทิ้งลงแรงปิดต่ำสุดที่ 3.54 บาท ร่วงลง 0.06 บาทหรือ -1.67% มูลค่าซื้อชายสูงที่สุดของวันนี้ 1.751.31 ล้านบาท เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับหุ้น บริษัท เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ราคาวิ่งขึ้นไปสูงสุด 1.52 บาท ก่อนเทกระจาดลงไปลึกสุดที่ 1.35 บาท ปิดที่ 1.41 บาท ร่วงลง 0.07 บาทหรือ -4.73% มูลค่าซื้อขาย 143.99 ล้านบาท ขณะที่บล.บียอนด์( BYD) แกร่ง ไล่ขึ้นไปสูงสุด 0.90 บาท ก่อนลงไปแตะ 0.79 บาท เด้งกลับมาปิดที่ 0.83 บาท บวก 0.01 บาทหรือ +1.22% หลังจากราคาหุ้นทั้ง 3 บริษัท พุ่งพรวดภายในระยะเวลาไม่กี่วัน หลังมีข่าวว่า NEX มีโอกาสคว้าสัมปทานให้เช่ารถเมล์แอร์อีวีจำนวน 1,520 คัน โดย TOR กำหนดราคากลางที่ 15,355.6 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือนต.ค.นี้ หากกลุ่ม EA ได้รายได้ก้อนใหญ่จะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและสร้างกำไรระยะยาว
น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นวันนี้พักตัว โดยดัชนี SET หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,285 จุด จึงมองแนวถัดไป 1,270-1,265 จุด เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ประกอบกับทุกคนต่างรอคอยนโยบายของรัฐบาลใหม่ ซึ่งประธานสภาคาดจะแถลง 1-2 ต.ค.นี้ ตลาดจึงนิ่งวอลุ่มหายไป และหันไปเล่นหุ้นขนาดเล็กในช่วงที่ยังไม่มีปัจจัยอะไรตื่นเต้น
ทั้งนี้ ปัจจัยนอกประเทศที่ดูเป็นบวกเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่ Fund Flow ยังไม่เข้าตลาดหุ้น พร้อมให้ติดตามความคิดเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และประธานเฟดสาขาต่าง ๆ ส่วนในประเทศติดตามตัวเลขส่งออก-นำเข้าที่จะออกมาในวันที่ 24 ก.ย.นี้
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ย.) ตลาดคงจะแกว่งซึม เนื่องจากขาดปัจจัย่บวกใหม่ พร้อมให้แนวรับ 1,270-1,265 จุด แนวต้าน 1,290 จุด
นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ CFP® Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 4.0–4.25% นับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 พร้อมส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดเพิ่มเติมอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ การลดดอกเบี้ยของ Fed ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน กระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน เพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก และยังเป็น “ตัวเร่ง” (Catalyst) สร้างโอกาสการลงทุนใหม่ ทั้งในตลาดหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตราสารหนี้โลกและสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่า
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนช่วงที่ Fed ปรับลดดอกเบี้ยนั้นแนะนำลงทุนใน 3 สินทรัพย์ ดังนี้
1. ธีมการลงทุนตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market : EM) +ญี่ปุ่น
2. ธีมการลงทุนในตราสารหนี้โลก (Global Bonds)
3. ธีมการลงทุนทางเลือก (Alternative Investment) ซึ่งทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า
วันนี้ สมาคมค้าทองคำประกาศปรับราคาซื้อขายถึง 10 ครั้ง รวมราคาเพิ่มขึ้น 500 บาท หลังจากราคาสัญญาทองคำล่วงหน้าปรับตัวขึ้นสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซื้อขายที่ 3,759.40 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 53.60 เหรียญสหรัฐฯ หรือ +1.45% ณ เวลา 19.10 น.ตามเวลาประเทสไทย
———————————————————————————————————————————————————–

