แบงก์กำไรปกติชะลอตัว Q3/68 หุ้นการบินไทยดัน BBL-KTB-TTB พุ่งกระฉูด

HoonSmart.com>>3 โบรกเกอร์ฟันธงกำไรปกติกลุ่มแบงก์ไตรมาส 3/68 ชะลอตัวทั้ง QoQ และ YoY จากสินเชื่อไม่โต อัตรากำไรสุทธิจากดอกเบี้ย (NIM) หดตัว เล็งหลายแบงก์ถือหุ้นTHAI  ดันกำไรโตกระฉูด ! เลือกนำไปตั้งสำรองฯ หรือใช้ลดค่าใช้จ่ายพิเศษ คาดไตรมาส 4 กำไรลงต่อ ลุ้นกนง.ลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง  พร้อมเชียร์ KTB, KBANK, SCB

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พาย กล่าวว่า กำไรของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 3/2568 คาดว่าจะชะลอตัว ทั้งจากไตรมาสที่ 2 (QoQ) และช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งไม่รวมรายการพิเศษ และคาดว่าจะชะลอต่อเนื่องในไตรมาส 4  ด้วย แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่มาช่วยก็ตาม  แต่โดยรวมไม่ทำให้สินเชื่อเติบโตได้

“เรื่องหลักที่จะทำให้กำไรของกลุ่มธนาคารไตรมาสที่ 3 ผิดเพี้ยนไปมาก เป็นเรื่องการถือหุ้นในบริษัทการบินไทย (THAI) ที่อาจทำให้กำไรของแบงก์กระโดดสูง ซึ่ง KTB, BBL, TTB, TISCO ถือหุ้น  ต้นทุนอยู่ที่ 2.50 บาท/หุ้น เป็นผลจากการแปลงหนี้เป็นทุน แต่กำไรที่เข้ามามากจากการลงทุน THAI อาจจะมีการนำไปตั้งสำรองฯ หรือตัดเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษ ฯลฯ เพราะไม่อยากจะให้กำไรออกมากระโดดเกินไป”นายธนเดชกล่าว

สาเหตุที่คาดว่ากำไรปกติของกลุ่มแบงก์จะปรับตัวลง เนื่องจากสินเชื่อจะไม่โต และมาร์จิ้นก็ปรับตัวลงด้วย แม้ทิศทางตลาดทุนในไตรมาส 3 จะดีกว่าไตรมาส 2 แต่ก็ไม่ได้ฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการประชุมกนง. 2 ครั้ง ซึ่งคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 1 ครั้ง หรืออาจปรับลดดอกเบี้ยทั้งสองครั้งก็ได้  ยิ่งลดดอกเบี้ยเร็ว รูมในการลดดอกเบี้ยก็จะน้อยลง ซึ่งไม่ดีต่อธุรกิจธนาคาร รายได้จากดอกเบี้ยจะปรับตัวลง

อย่างไรก็ดี ยังคงแนะนำ”ซื้อ”หุ้น KTB ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท และ SCB ราคาเป้าหมาย 137 บาท ซึ่งทั้งสองตัวยังพอมีอัพไซด์ ขณะที่แบงก์อื่นอัพไซด์จำกัดจากที่ราคาปรับขึ้นถึงเป้าหมายแล้ว

นายตฤณ สิทธิสวัสดิ์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลดำเนินงานของกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 3/2568 คาดว่าจะปรับตัวลงทั้ง QoQ และ YoY จากสินเชื่อไม่เติบโต, NIM ลดลง เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวลงมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก มีเพียง KBANK, KTB ที่ทรงตัวเมื่อเทียบ YoY และไตรมาส 4/2568 กำไรก็คาดว่าจะลดลงอีก เนื่องจากค่าใช้จ่ายมาก จากการลงทุนเรื่องระบบ และค่าใช้จ่ายส่วนของพนักงานอีก จึงให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นแบงก์เท่ากับตลาด (Neutral) โดยกำไรกลุ่มแบงก์มีโอกาสที่จะชะลอตัวตามทิศทางดอกเบี้ย

พร้อมแนะนำ”ซื้อ”KBANK ราคาเป้าหมาย 175 บาท แม้กำไรจะชะลอแต่ความเสี่ยงน้อยกว่าแบงก์อื่น และยังให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนราคาเป้าหมาย โดยจะไปใช้ราคาเป้าหมายของปี 2569 ซึ่งคาดว่าจะอยู่บริเวณ 180-185 บาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 รวม 7 ธนาคาร อยู่ที่ 5.34 หมื่นล้านบาท -2.5% YoYและ -5.2% QoQ การปรับตัวลดลง QoQ หลัก ๆ มาจาก NIM ที่หดตัว รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง โดยเฉพาะกำไรจากการลงทุนที่คาดว่าจะลดลง รวมถึงการปล่อยสินเชื่อที่ชะลอตัว คาด NPLs รวมจะปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.78% จาก 3.73% ในไตรมาส 2 สะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนตัวลงท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ซบเซา

ทั้งนี้ คาดธนาคารทุกแห่งจะมีกำไรสุทธิลดลง QoQ ยกเว้น KTB ที่น่าจะบันทึกกำไรจากการ mark-to-market หุ้น THAI ขณะที่ในเชิง YoY คาดว่า SCB และ KKP จะเห็นการปรับตัวดีขึ้น โดย SCB ได้แรงหนุนจาก credit cost ที่ลดลง และ KKP จากการขาดทุนการยึดรถยนต์ที่ลดลง คาดกำไรสุทธิปี 2568 ทรงตัว YoY โดยถูกกดดันจาก NIM ที่หดตัว แต่ได้รับการชดเชยจากค่าใช้จ่ายดาเนินงานที่ลดลง และกำไรจากการลงทุนที่สูงขึ้น และคาดกลุ่มธนาคารจะให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลราว 7% คงให้น้ำหนักลงทุนเป็น “Neutral” หุ้นเด่น คือ KBANK และ KTB

สำหรับธนาคารที่มีการถือหุ้น THAI ได้แก่  BBL แปลงหนี้เป็นทุนจำนวน 2,398,507,018 หุ้น หรือ 10.3507% จากเดิมถือ 0.4293%  ทำให้ถือหุ้นทั้งสิ้น 10.3912% , KTB ถือ 1327,322,126 หุ้น คิดเป็น 5.728%, TTB  ถือ 579,955,895  หุ้น หรือ  2.05% ผู้บริหารแผนได้กำหนดมาตการห้ามเจ้าหนี้ขายหุ้นจนกว่าจะครบ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่หุ้นกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์  โดยแปลงหนี้เป็นทุนที่ราคา 2.5452 บาท เทียบกับราคาหุ้นล่าสุด 19 ก.ย. ปิดที่ 14.10 บาท ได้กำไรมากถึงหุ้นละ 11.5548 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 453%