เคมีแมน (CMAN)ผู้ผลิตและจำหน่ายปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่องรายใหญ่ที่สุดในไทย พร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมขาย IPO ไม่เกิน 240 ล้านหุ้น รุกขยายกำลังการผลิตก้าวสู่ผู้ผลิตและจำหน่ายปูนไลม์ Top 10 ของโลก
นายอดิศักดิ์ เหล่าจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคมีแมน จำกัด (มหาชน) หรือ CMAN เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่อง ที่เกิดจากการแปรสภาพแร่ธรรมชาติสู่ผลิตภัณฑ์แร่เคมีพื้นฐานและเคมีสังเคราะห์ เพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบสำคัญในกระบวนการผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งการอุปโภคและบริโภค เช่น ทองคำ ทองแดง สังกะสี อลูมิเนียม นิกเกิล ลิเทียม กราไฟท์ เหล็กและเหล็กกล้า เยื่อกระดาษและกระดาษ น้ำตาล พลาสติกชีวภาพ อาหารสัตว์ การบำบัดก๊าซและน้ำเสีย แก้ว ขวด กระจก เป็นต้น ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ 3 ประเภทที่จำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้า “CHEMEMAN” ได้แก่ 1. ปูนควิกไลม์ หรือแคลเซียมออกไซด์ 2. ปูนไฮเดรตไลม์ หรือแคลเซียมไฮดรอกไซด์ และ 3. แร่หินปูนเคมีและแร่หินปูนเคมีบด หรือแคลเซียมคาร์บอเนต เพื่อจำหน่ายออกสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปูนไลม์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิตติดตั้งปูนไลม์ (ณ วันที่ 30 ก.ย. 2560) รวมประมาณ 800,000 ตันต่อปี จากฐานการผลิต 3 แห่งในจังหวัดสระบุรีและระยอง นอกจากนี้ ยังมีศูนย์กระจายสินค้าที่สำคัญอีก 2 แห่งในประเทศออสเตรเลีย
ขณะเดียวกัน CMAN ยังเป็นผู้ประกอบธุรกิจปูนไลม์เพียงรายเดียวในประเทศไทย ที่มีทั้งโรงงานผลิตและได้รับประทานบัตรเหมืองอายุ 25 ปี (สิ้นสุด 23 มิ.ย. 2583) จากกระทรวงอุตสาหกรรม บนพื้นที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นแหล่งแร่หินปูนเคมีที่มีปริมาณแคลเซียมสูงเป็นพิเศษ (Ultra-high Calcium Limestone) มีปริมาณแร่หินปูนเคมีสำรองกว่า 115 ล้านตัน (จากข้อมูลสำรวจ ณ เดือน ต.ค. 2559) ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีความได้เปรียบในเชิงคุณภาพและการบริหารต้นทุนของวัตถุดิบ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงาน EIA รวมถึงมีการติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากผลสำรวจภาวะอุตสาหกรรมปูนไลม์ในประเทศไทยโดย Frost & Sullivan บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการที่มีส่วนแบ่งตลาดปูนควิกไลม์และปูนไฮเดรตไลม์สูงสุดทั้งการขายในประเทศและการส่งออก โดยในปี 2559 มีส่วนแบ่งการขายปูนควิกไลม์และปูนไฮเดรตไลม์ในประเทศ ร้อยละ 29 และ 21 และมีมูลค่าส่งออก ร้อยละ 81 และ 84 ของมูลค่าส่งออกปูนไลม์รวมของประเทศไทยตามลำดับ ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ปี 2560 มีรายได้รวม 1,633 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการทำสัญญาซื้อขายระยะยาวกับลูกค้ารายใหญ่ที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน บริษัทฯ มีฐานลูกค้าครอบคลุมมากกว่า 20 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย ออสเตรเลีย และแอฟริกา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMAN กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีโครงการขยายการลงทุนเพื่อรองรับดีมานด์ของปูนไลม์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายภูมิภาค เช่น การขยายกำลังการผลิตติดตั้งปูนควิกไลม์ที่โรงงานแก่งคอยอีกกว่า 100,000 ตันต่อปี รวมเป็นกำลังการผลิตปูนไลม์กว่า 900,000 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 1/2561 การก่อสร้างคลังสินค้าและไซโลที่โรงงานแก่งคอยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสินค้าคลัง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2561 รวมถึงการร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายปูนไลม์อีก 2 แห่งที่เมือง Visakhapatnam และ Tuticorin ซึ่งเป็นเมืองท่าและเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศอินเดียอีกด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2562
“บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่อง 1 ใน 10 อันดับแรกของโลก พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะสร้างความสมดุลให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย และมีเป้าหมายขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่พึงพอใจแก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนบนหลักบรรษัทภิบาลที่ดี” นายอดิศักดิ์กล่าว
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ตัวแทนที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัทฯ มีศักยภาพการเติบโตที่ดีและมีความพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟล์ลิ่ง) เป็นที่เรียบร้อย เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO โดยจะนำเงินที่ได้ไปขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้จะกำหนดวันที่เสนอขายหุ้น IPO และคาดว่าจะนำ บมจ.เคมีแมน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ในไตรมาส 1/2561