ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 617 จุด S&P – Nasdaq ทำนิวไฮ ข้อมูลล่าสุดหนุนเฟดลดดอกเบี้ย

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดพุ่ง ดาวโจนส์ทะยน 671 จุด ดัชนี S&P และ Nasdaq ทำนิวไฮ หลังตัวเลขเงินเฟ้อ-ตลาดแรงงานล่าสุดหนุนความคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 11 กันยายน 2568 และดัชนี S&P 500 และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าตัวเลขเงินเฟ้อและตลาดแรงงานล่าสุดจะไม่เป็นอุปสรรคในการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,108.00 จุด เพิ่มขึ้น 617.08 จุด, +1.36%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,587.47 จุด เพิ่มขึ้น 55.43 จุด, +0.85%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,043.07 จุด เพิ่มขึ้น 157.01 จุด, +0.72%

แม้ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI )ประจำเดือนสิงหาคมออกมาสูงกว่าที่คาดไว้เมื่อเทียบรายเดือน แต่ยังสอดคล้องกับที่คาดไว้เมื่อเทียบเป็นรายปี และแสดงสัญญาณบางอย่างว่าภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค หลังจากที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนสิงหาคมที่ออกมาในวันก่อนหน้าต่ำกว่าที่คาดไว้

สำนักงานสถิติแรงงานรายงาน ดัชนี CPIเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่า 0.3% ที่นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งสำรวจโดยดาวโจนส์คาดการณ์ไว้ แต่เมื่อเทียบรายปีเพิ่มขึ้น 2.9% ตามที่คาดการณ์ไว้ ส่วน ดัชนี CPI พื้นฐาน ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้

นักลงทุนคาดว่าข้อมูลล่าสุดจะไม่มีผลให้เฟดหันเหไปจากการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้าได้ เนื่องจากว่ายังข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุดที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัว โดยข้อมูลจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 กันยายน เพิ่มขึ้น 27,000 รายมาที่ 263,000 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 235,000 ราย

ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้น บ่งชี้มากขึ้นว่าเศรษฐกิจ กำลังชะลอตัวลง ตลาดจึงประเมินโอกาสไว้กว่า 90% ที่เฟดจะตัดสินใจในการประชุมวันที่ 17 กันยายนลดดอกเบี้ยลง 0.25% ตามเครื่องมือ FedWatch ของ CME และโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 0.5% ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งภายในสิ้นปีนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง หลังการเปิดเผยข้อมูล โดยอัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรอ้างอิง ลดลงเหลือ 4%

การปรับขึ้นของ ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังได้รับแรงหนุนจากหุ้น Tesla ที่พุ่งขึ้น 6% ขณะที่หุ้น JPMorgan เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้น Goldman Sachs เพิ่มขึ้น 1.9% และ หุ้น Walmart เพิ่มขึ้น 2.2% จากความคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง ซึ่งหนุนดัชนีดาวโจนส์

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากการที่หุ้นกลุ่มกลาโหมปรับขึ้น ขณะที่นักลงทุนขานรับการคงดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ไว้ของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 555.33 จุด เพิ่มขึ้น 3.04 จุด, +0.55%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,297.58 จุด เพิ่มขึ้น 72.19 จุด, +0.78%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,823.52 จุด เพิ่มขึ้น 62.20 จุด, +0.80%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,703.65 จุด เพิ่มขึ้น 70.70 จุด, +0.30%

กลุ่มอากาศยานและการป้องกันประเทศของภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น 2.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่ในภาคตะวันออกของทวีป หลังจากที่โปแลนด์ยิงโดรนที่ต้องสงสัยว่าเป็นของรัสเซียตกเมื่อต้นสัปดาห์

หุ้นBAE Systems พุ่งขึ้น 6.3% หุ้น Rheinmetall บวก 2.3% และหุ้น Rolls-Royce เพิ่มขึ้น 2.1%

ECB ก็ยังคงอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ แต่ไม่ได้ส่งสัญญานใดๆ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป โดยย้ำว่าการตัดสินใจครั้งต่อไปจะขึ้นอยู่กับข้อมูล

ริชาร์ด แฟล็กซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Moneyfarm กล่าวว่า การที่ ECB ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ 2% ดูเหมือน ECB จะมั่นใจว่ากลุ่มเศรษฐกิจจะสามารถรับมือกับผลกระทบจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ได้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ECB ยังได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อลงเหลือ 1.9% ในปี 2027 ซึ่งต่ำกว่า 2.0% ที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิถุนายน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ 1.8% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 2%

นักลงทุนลดการคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง โดยมองว่ามีโอกาสเกือบ 50% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนมิถุนายน 2569 ตามข้อมูลของ ICAP

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีของเยอรมนี เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.99%

กลุ่มก่อสร้างและวัสดุเพิ่มขึ้น 1.4% หลังจากที่ JP Morgan หันมาให้มุมมองเชิงบวกต่อหุ้นวัสดุก่อสร้างสำคัญๆ ในยุโรป โดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของหุ้น Buzzi ของอิตาลีเป็น overweightและคงหุ้น Heidelberg ของเยอรมนีไว้เป็น top-pick ราคาหุ้น Buzzi เพิ่มขึ้น 6.7% และ Heidelberg เพิ่มขึ้น 2.5%

หุ้น Stellantis ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ เป็นหุ้นที่ปรับขึ้นสูงสุดของวัน โดยเพิ่มขึ้น 9.1% หลังอันโตนิโอ ฟิโลซา ซีอีโอคนใหม่ กล่าวว่าบริษัทจะนำรถรุ่น Jeep Cherokee และรถกระบะ RAM เครื่องยนต์ 8 สูบกลับมาทำตลาดอีกครั้ง หุ้น Stellantis หนุนให้ดัชนีกลุ่มยานยนต์เพิ่มขึ้น 1.27%

ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศสปรับขึ้น 0.8% แม้จะเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองและการคลัง Citigroup ได้ลดคำแนะนำการลงทุนหุ้นฝรั่งเศสลงจากoverweight เป็น neutralก่อนการพิจารณาอันดับเครดิตครั้งสำคัญโดย Fitch ในวันศุกร์

หุ้น Kering เพิ่มขึ้น 2.4% หลังจากที่เจ้าของ Gucci ประกาศว่าจะไม่ซื้อหุ้น Valentino แบรนด์แฟชั่นอิตาลีเต็มจำนวนจนกว่าจะถึงอย่างน้อยปี 2028 ซึ่งเป็นการเลื่อนข้อตกลงราคาแพงที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มบริษัทที่มีหนี้สินจำนวนมากออกไป

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 1.3 ดอลลาร์ หรือ 2.04% ปิดที่ 62.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 66.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล