
ปี 2568 เศรษฐกิจโลกยังเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูงและภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ยุโรปเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่วนญี่ปุ่นต้องรับมือกับความผันผวนของค่าเงิน ขณะเดียวกัน ตลาดเกิดใหม่และเอเชียแปซิฟิกได้แรงหนุนจากดอลลาร์อ่อน และเศรษฐกิจจีนที่กำลังฟื้นตัว
เพื่อให้พอร์ตของนักลงทุนยังคงแข็งแกร่งและพร้อมรับมือกับความผันผวนเหล่านี้ All Weather Strategy จึงได้ปรับพอร์ตประจำไตรมาส โดยเน้นเพิ่มสัดส่วนหุ้นจีนและเอเชียแปซิฟิก พร้อมวางกลยุทธ์เพื่อเสริมทั้งความแข็งแกร่งของพอร์ตและโอกาสเติบโตในระยะยาว
ในการสัมมนาพิเศษ “ปรับพอร์ต All Weather Strategy เสริมความแกร่ง ฝ่ามรสุมตลาดโลก” เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา Andrew Stotz นักวิเคราะห์การลงทุนชั้นนำของไทย ได้นำเสนอนักลงทุนถึงภาพรวมตลาด พร้อมอธิบายเหตุผลเบื้องหลังการปรับพอร์ตครั้งนี้ เพื่อให้พอร์ตยังแกร่งได้ในทุกสภาวะตลาด
สร้างพอร์ตแกร่งทุกสภาวะตลาดด้วย All Weather Strategy
All Weather Strategy (AWS) ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับพอร์ตการลงทุน โดยเป็นพอร์ตการลงทุนที่มุ่งหวังเพิ่มพูนและปกป้องความมั่งคั่งระยะยาวผ่านการกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาผลตอบแทนระยะยาว โดยมีการบริหารความเสี่ยงเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด
จุดเด่นของพอร์ต AWS
● ผลตอบแทนโดดเด่น: พอร์ต AWS มีมีการตั้งเป้าหมายการลงทุนเฉลี่ยไว้ที่ 6% ต่อปี (ทั้งนี้ผลลัพธ์จริงขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด และไม่สามารถรับประกันได้) และนับตั้งแต่จัดตั้งพอร์ตในปี 2019 พอร์ตนี้ให้ผลตอบแทนสะสมแล้ว +59.6% สูงกว่าพอร์ต 60/40 แบบดั้งเดิมถึง 21.4% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ส.ค. 2568)*
● ความผันผวนต่ำกว่าตลาด: ด้วยการกระจายความเสี่ยงลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ทำให้พอร์ต AWS มีความผันผวนที่ต่ำกว่าตลาดโลกโดยรวม
● ปรับพอร์ตสม่ำเสมอ: ทีม A. Stotz จะปรับสัดส่วนสินทรัพย์ในพอร์ตทุกไตรมาสตามสภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาด ทำให้พอร์ตสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
*ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ปรับพอร์ตเสริมความแกร่ง ฝ่ามรสุมตลาดโลก
เพื่อเสริมความแกร่งให้พอร์ต AWS ฝ่ามรสุมตลาดโลกไปได้ ในเดือนกันยายน 2568 ทีมงาน A. Stotz จึงทำการปรับสัดส่วนสินทรัพย์ในพอร์ต AWS โดยเพิ่มสัดส่วนหุ้นจีน และเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่นและจีน เป็นอย่างละ 25% ลดสัดส่วนหุ้นยุโรปและตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน) เหลืออย่างละ 5% และคงสัดส่วนหุ้นสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ไว้อย่างละ 5% ขณะที่ทองคำและพันธบัตรยังคงสัดส่วนไว้ที่ 25% และ 5% ตามลำดับ
สรุปภาพรวมตลาด: ฝ่าความเสี่ยง คว้าโอกาสเติบโตปลายปี 2568
สหรัฐฯ – ความไม่แน่นอนในสหรัฐฯ กำลังเพิ่มสูงขึ้น จากการที่ทรัมป์พยายามกดดัน Fed ให้ลดดอกเบี้ย ทั้งที่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกัน ภาระหนี้รัฐบาลก็พุ่งขึ้นจากดอกเบี้ยที่สูง และข้อพิพาทด้านภาษีศุลกากรยิ่งสร้างความเสี่ยงต่อการค้าโลก
ยุโรป – ความเสี่ยงในยุโรปกำลังเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเรื่องเงินเฟ้อ มาตรการภาษีของทรัมป์สร้างแรงกดดันต่อความสัมพันธ์ทางการค้า และอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทยุโรปโดยตรง ขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสเผชิญปัญหาการเมืองรุนแรงจนอาจถึงขั้นรัฐบาลล่ม
ญี่ปุ่น – ค่าเงินเยนที่อ่อนคาดว่าจะทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นเข้ามาแทรกแซงตลาดมากขึ้น ความผันผวนสูงของค่าเงินอาจส่งผลลบต่อธุรกิจในประเทศและการไหลเข้าของการลงทุนต่างชาติ
ตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน) – ค่าเงินดอลลาร์อ่อนเป็นปัจจัยบวกต่อประเทศตลาดเกิดใหม่ หลายประเทศมีหนี้สกุลดอลลาร์สูง จึงช่วยให้ชำระหนี้ได้ถูกลง นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้สินทรัพย์ในท้องถิ่นน่าสนใจมากขึ้น หลายประเทศเป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หลัก ดอลลาร์อ่อนจึงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออกในสกุลเงินท้องถิ่น
เอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่นและจีน) – ได้ประโยชน์จาก AI, EV และ Tech optimism โดยเฉพาะในเซมิคอนดักเตอร์ที่มีเกาหลีและไต้หวันเป็นผู้ผลิตอันดับต้น ๆ ของโลก ค่าเงินดอลลาร์อ่อนช่วยเพิ่มความน่าสนใจของสินทรัพย์ในภูมิภาค และลดต้นทุนหนี้ดอลลาร์ ทำให้ภูมิภาคนี้มีโอกาสเติบโตสูง
จีน – จีนเริ่มฟื้นตัวหลังผลกระทบจากสงครามการค้า เศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล ขณะเดียวกัน จีนยังคงเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะ EV และ AI โดยหุ้นเทคโนโลยีจีนมีโอกาสเติบโตสูงและคู่แข่งยังน้อย อีกทั้งมูลค่าหุ้นจีนในปัจจุบันยังน่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดสหรัฐฯ
พันธบัตร – ยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อปกป้องเงินทุนในช่วงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ แม้ผลตอบแทนจริงอาจจะต่ำจากเงินเฟ้อ แต่พันธบัตรช่วยเพิ่มความหลากหลายให้พอร์ตการลงทุน
ทองคำ – ยังน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากภาระหนี้สูงของรัฐบาลทั่วโลก ทั้งสหรัฐฯ และจีน ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและความเสี่ยงด้านเครดิต ขณะเดียวกันอุปสงค์จากธนาคารกลางยังคงแข็งแกร่ง ทองคำจึงมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง
หากคุณกำลังมองหากลยุทธ์ที่วางแผนมาเพื่อรับมือทุกฤดูกาลของตลาด All Weather Strategy คือหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
