HoonSmart.com>>“กอบศักดิ์” มั่นใจทีมเศรษฐกิจ ครม.ใหม่ ชี้หัวใจสำเร็จอยู่ที่นโยบาย–การสื่อสาร แนะเดินหน้านโยบายระยะสั้น–ควบระยะยาว ดึงดูดการลงทุนต่างชาติ
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย แสดงความเห็นต่อทีมเศรษฐกิจรัฐบาลชุดใหม่ หลังร่วมบรรยายในงาน ACMA BUSINESS FORUM 2025 ว่า ภาพรวมถือว่า “น่าพอใจ” เพราะดึงผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เข้ามารับผิดชอบ โดยเฉพาะกระทรวงการคลังที่มีบุคลากรคุ้นเคยกับงานและเข้าใจตลาดเป็นอย่างดี แต่ย้ำว่า โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลคือการแปลงนโยบายให้เป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือนแรก ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาท้าทาย
การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจให้สำเร็จต้องอาศัย 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ ทีมที่ใช่ มีผู้เชี่ยวชาญและมืออาชีพ, นโยบายที่ใช่ ทั้งระยะสั้นเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และระยะยาวเพื่อสร้างความเชื่อมั่น,การทำงานที่ใช่ (Implementation) การแปลงนโยบายเป็นการปฏิบัติที่รวดเร็ว และ การสื่อสารที่ใช่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับภาคธุรกิจและประชาชน
“หัวใจคือการรักษาความเชื่อมั่น ซึ่งไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ต้องมีวิสัยทัศน์ระยะยาวควบคู่กันด้วย” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว
ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า การดำเนินนโยบายระยะสั้น ควบคู่กับนโยบายนะยะยาว โดยระยะสั้น รัฐบาลต้องจัดการเรื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาษี พลังงาน และการแก้ปัญหาความขัดแย้งเชิงโครงสร้าง รวมถึงประเด็น ความมั่นคงไซเบอร์ และการเจรจาระหว่างประเทศ
ส่วนนโยบายระยะยาว ต้องใช้ เวลา โดยในช่วงแรกสร้างแรงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอนาคต เช่น เซมิคอนดักเตอร์ , แผงวงจร (PCB), ดาต้าเซ็นเตอร์,รถยนต์ไฟฟ้า , เกษตรสมัยใหม่ และพลังงานหมุนเวียน
ด้านผลกระทบต่อตลาดทุน ดร.กอบศักดิ์ มองว่าตลาดทุนไทยตอบรับเชิงบวกต่อรัฐบาลใหม่ และกำลังมีโอกาสดึงดูดทุนต่างชาติเข้ามามากขึ้น ทั้งจากการเชิญชวนบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในไทยเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงสตาร์ทอัพที่จะเป็นพลังใหม่ให้ตลาดทุน
“เราต้องการไม่ใช่แค่บริษัททำอุตสาหกรรมเดิม ๆ แต่ต้องสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี เพื่อสะท้อนเศรษฐกิจยุคใหม่” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว
ดร.กอบศักดิ์ แนะนำว่า รัฐบาลควรพัฒนาโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้วให้เสร็จเร็วที่สุด เพื่อสร้างผลลัพธ์ทันทีในช่วงเวลาจำกัด
กรณีค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกินไป อาจกระทบผู้ส่งออกและการท่องเที่ยว โดยมองว่าต้องอาศัยความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศเพื่อดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งจนเกินความเป็นจริง
