“ผลิตภัณฑ์ตราเพชร” มองนโยบายรัฐดันบ้านล้านหลังช่วยผู้มีรายได้น้อย หนุนตลาดวัสดุก่อสร้างพุ่ง ชูความหลากหลายของสินค้าภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ รับโอกาสทางการตลาด ช่องทางขายผ่านร้านค้าผู้แทนจำหน่ายรายย่อยปรับตัวดีขึ้น หลังราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น ส่งผลบวกต่อกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นตัว มั่นใจปีนี้เติบโต 5% ตามแผน
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT)ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบาและบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า จากนโยบายภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนผู้ที่มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยการปล่อยสินเชื่อพัฒนาโครงการให้แก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อสร้างบ้าน และปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จะสนับสนุนภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2562 ให้มีความคึกคักมากขึ้น
สาเหตุเนื่องจากนโยบายดังกล่าวจะเป็นตัวเร่งผลักดันการปลูกสร้างบ้าน และกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ส่งผลดีต่อความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยผลิตภัณฑ์ ‘ตราเพชร’ จะนำจุดแข็งด้านความหลากหลายของสินค้า ตั้งแต่ระบบหลังคา ผนังและพื้น สามารถนำไปใช้ก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง พร้อมสื่อสารการตลาดภายใต้แนวคิด ‘สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง’ เพื่อตอกย้ำให้ผู้บริโภคได้รับรู้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ บริษัทฯ จะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการผลิตและบริหารคลังสินค้าเพื่อรองรับโอกาสทางการตลาดดังกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินว่าช่องทางการจัดจำหน่ายร้านค้าผู้แทนจำหน่ายรายย่อย ซึ่งเป็นช่องทางที่ทำสัดส่วนยอดขายสูงสุดของ DRT จะกลับมาเติบโตได้ดีจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ดีขึ้น หลังจากราคาสินค้าเกษตรบางรายการเริ่มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการร้านค้าผู้แทนจำหน่ายรายย่อยมีการปรับโฉมให้มีความทันสมัยเพื่อดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาเลือกซื้อสินค้าให้มากขึ้น เช่นเดียวกับ ตลาดส่งออกในกลุ่ม CLMV ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตโดดเด่น หลังจากผู้ประกอบการห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่อย่าง ‘โกลบอลเฮ้าส์’ ได้ขยายสาขาไปยังประเทศกัมพูชาเป็นครั้งแรก เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคนี้ โดยจะส่งผลดีต่อการเพิ่มยอดขายของ DRT ในตลาดดังกล่าวที่มีความได้เปรียบคู่แข่งในด้านแบรนด์สินค้าที่ผู้บริโภคให้การยอมรับในด้านคุณภาพ จึงเชื่อมั่นว่าจะทำให้สัดส่วนยอดขายจากตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของยอดขายรวมทั้งหมด
“เรามองตลาดวัสดุก่อสร้างปี 62 ในเชิงบวก จากสัญญาณความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มที่ดี ทั้งจากปัจจัยการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐที่จะกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเรามีแผนเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรภายในโรงงานและการบริหารคลังสินค้าเพื่อรองรับโอกาสทางการตลาด ซึ่งจะส่งผลดีต่อเป้าหมายการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5%” นายสาธิต กล่าว
ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 4/61 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันการเติบโตได้ตามแผนงาน จากขีดความสามารถการแข่งขันที่ดี ทั้งการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบริหาร Product Mix หรือสัดส่วนการขายสินค้าเพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นและการรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปีอยู่ในระดับ 85-90% ส่งผลดีต่อการเติบโตในปีนี้ที่จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้