โบรกฯ คาดหุ้นแกว่งขึ้นตามเอเชีย

โบรกฯ คาดหุ้นแกว่งตัวขึ้นรับเจรจาการค้าสหรัฐฯและจีนส่งสัญญาณดีขึ้น ด้านปัจจัยฟากยุโรปผ่อนคลายลง

บริษัทหลักทรัพย์โนมูระพัฒนสิน (CNS) คาดแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวขึ้น แนวต้าน 1,644/1,647จุด แนวรับ 1,628/1,622 จุด โดยจีนเตรียมใช้นโยบายใหม่เปิดประเทศมากขึ้น และเริ่มนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯล็อตแรก หนุนสหรัฐฯ-จีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าได้สำเร็จ

นอกจากนี้ด้านปัจจัยยุโรปผ่อนคลาย หลัง 1)อิตาลีเสนอแผนงบประมาณขาดดุลใหม่ที่ 2.04% ใกล้เป้า EU คาดรอดพ้นจากบทลงโทษได้ 2)Teresa May ผ่านพ้นการลงมติไม่ไว้วางใจ สะท้อน Brexit เดินหน้าได้ตามแผน หนุนค่าเงินปอนด์และยูโรแข็งค่า กดดันค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่า บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง การลงทุนวันนี้แนะ Theme “Big Cap Play ได้แก่ PTT, IVL, GULF

บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม คาด SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนมีความคืบหน้าไปในทิศทางที่ดี ประกอบกับแรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงกรณีการจับกุมตัว CFO ของ Huawei หากจะช่วยให้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน ให้กรอบ SET Index แนวรับ 1,620 – 1,630 แนวต้าน 1,644 – 1,660 จุด

กลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม Big Cap. ที่ Laggard กว่าตลาด ส่วนนักลงทุนระยะกลางแนะนำ Wait&See เพื่อรอความชัดเจนของทิศทางดัชนี

อย่างไรก็ตามประเด็นที่น่าจับตา ได้แก่ แนวโน้มค่าเงินบาท, การเลือกตั้งในประเทศ, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ, ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน , ข้อตกลง Brexit ระหว่างอังกฤษ และ EU

บล.กรุงศรี คาด SET Index แกว่งตัว 1,630-1,645 จุด โดยภาวะตลาดได้ปัจจัยบวกจากการคลายความกังวลข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หลังจีนเตรียมเปิดทางให้บริษัทต่างชาติเข้าสู่ตลาดจีนมากขึ้นด้วยการทบทวนนโยบาย “Made in China 2025”

อย่างไรก็ตามแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงอีกครั้งหลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล ประกอบกับมุมมองเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงหลังรมว.คลังเผยทิศทางเศรษฐกิจไทยจะไม่ขยายตัวเหมือนครึ่งปีแรกที่เติบโต 4.8% และแนวโน้ม 4Q18 จะชะลอตัวจาก 3Q18 ที่เติบโตได้ 3.3% รวมถึงคาดว่าเศรษฐกิจปี 2562 จะเติบโตลดลงจากปีนี้แต่ยังขยายตัวมากกว่า 4% ซึ่งจะส่งกระทบต่อคาดการณ์ผลประกอบการบริษัทในตลท. นอกจากนี้ Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่องจะเป็นตัวถ่วงต่อทิศทางตลาดในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน