ดาวโจนส์ปืดลบ 220 จุด  จ้างงานอ่อนแอเกินคาด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ลดลง 220 จุด หลังรายงานจ้างงานสหรัฐฯ อ่อนแอเกินคาด นักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แม้ยังหวังการปรับลดดอกเบี้ยมากขึ้น ด้านราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ตลาดหุ้นยุโรปร่วงแรง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 5 กันยายน 2568 ปิดที่ 45,400.86 จุด ลดลง 220.43 จุด หรือ -0.48% หลังจากการรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอเกินคาด ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว แม้ว่าความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมากขึ้นก็ตาม
         
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,481.50 จุด ลดลง 20.58 จุด, -0.32%
         
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,700.39 จุด ลดลง 7.30 จุด, -0.03%
         
ทั้งสามดัชนีหลักปรับตัวลงหลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ระหว่างวันในช่วงต้นของการซื้อขาย โดยในระดับสูงสุด ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวม ดัชนี Nasdaq และดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้นประมาณ 0.5%, 0.8% และ 0.3% ตามลำดับ
         
กระทรวงแรงงานรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 22,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่า75,000 ตำแหน่งที่นักเศรษฐศาสตร์ในการสำรวจของ Dow Jones คาดการณ์ไว้อย่างมาก อัตราการว่างงานยังเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้
         
นอกจากนี้ข้อมูลเดือนกรกฎาคมและมิถุนายนที่ปรับใหม่และรายงานในวันศุกร์ชี้ให้เห็นว่าในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯ สร้างงานใหม่น้อยกว่า 30,000 ตำแหน่ง อีกทั้งตัวเลขติดลบในเดือนมิถุนายน ซึ่งถือเป็นการหดตัวของตลาดแรงงานครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020
         
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ร่วงลงหลังรายงาน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ลดลงต่ำกว่า 4.79% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลลงมาอยู่ที่ 4.07% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน
         
สภาพการจ้างงานที่แย่ลงอย่างไม่คาดคิด ความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนจึงเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25%ในการประชุมปลายเดือนนี้ และเทรดเดอร์ยังคาดการณ์ว่าขนาดของการลดอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยลดอัตราดอกเบี้ยถึง 0.5% ตามเครื่องมือ FedWatch
         
เจมี ค็อกซ์ หุ้นส่วนผู้จัดการของ Harris Financial Group กล่าวว่า การจ้างงานที่ชะลอตัวลง ประกอบกับอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นและการเติบโตของค่าจ้างที่ชะลอตัวลง ล้วนสนับสนุนมุมมองที่ว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในตลาดแรงงานได้ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลการจ้างงานเหล่านี้ทำให้เฟดมีเหตุผลทั้งหมดที่จำเป็นในการปรับสมดุลความเสี่ยงและลดอัตราดอกเบี้ยภายในสองสัปดาห์
         
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง ด้วยความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเป็นผลมาจากภาวะการจ้างงานที่ถดถอย และรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีหน้า เพื่อประเมินว่าเฟดจะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุมครั้งหน้า
         
หุ้น JPMorgan ลดลง -3.11% และหุ้น Wells Fargo  ลดลง  3.51% จากความกังวลว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อ ส่วนในกลุ่มอุตสาหกรรม หุ้น Boeing และ GE Aerospace ลดลง 0.49% และ 1.08% ตามลำดับ จากความ กังวลว่า เศรษฐกิจที่มีปัญหาอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของคำสั่งซื้อ
         
แต่หุ้น Broadcom บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ ปรับขึ้นโดดเด่น โดยพุ่งขึ้น 9.4% หลังจากประกาศผลประกอบการที่ดีเกินคาดการณ์ และจากรายงานข่าวที่ว่าบริษัท วางแผนที่จะเปิดตัวชิปเพื่อฝึกอบรมและใช้งานโมเดล AI ร่วมกับ OpenAI ในปีหน้า ก็ช่วยหนุนราคาหุ้นเช่นกัน
         
ส่วน NVIDIA ซึ่งครองตลาดชิป AI ทันสมัย ร่วงลง 2.7% เนื่องจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Broadcom อาจส่งสัญญาณว่ากำลังมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
         
หุ้น Palantir อีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับความนิยมในด้านปัญญาประดิษฐ์ ร่วงลงประมาณ 2%
         
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงอย่างหนักจากหุ้นกลุ่มพลังงานและการเงินที่ปรับลง ขณะที่นักลงทุนเริ่มมีความระมัดระวังมากขึ้นหลังจากข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 549.21 จุด ลดลง 0.88 จุด, -0.16%
    
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,208.21 จุด ลดลง 8.66 จุด, -0.09%
    
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,674.78 จุด ลดลง 24.14 จุด, -0.31%
    
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,596.98 จุด ลดลง 173.35 จุด,-0.73%
         
การเติบโตของงานในสหรัฐฯ อ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วในเดือนสิงหาคม ยืนยันว่าสภาวะตลาดแรงงานกำลังชะลอตัวลง และสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้
         
ในยุโรป ธนาคารในภูมิภาคต่างๆ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน โดยร่วงลง 1.3% หุ้นธนาคารมักร่วงลงจากคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะกดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ส่งผลกระทบต่อกำไรและความต้องการสินเชื่อ
         
กลุ่มประกันภัยลดลง 0.6% ขณะที่ธุรกิจบริการทางการเงินลดลง 0.3%
         
กลุ่มพลังงานลดลง 1.8% หลังราคาน้ำมันลดลงจากการคาดการณ์ว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้น และเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดในสัปดาห์นี้ โดยลดลง 3.2%
         
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีอายุ 10 ปี ลดลง มาอยู่ที่ 2.661% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลงอย่างมากหลังจากข้อมูลการจ้างงาน
         
ภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้น 1.6% ซึ่งช่วยหนุนไม่ได้ดัชนี STOXX 600 ลดลงมาก
         
กลุ่มเฮลธ์แคร์และสื่อยังคงเป็นกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.2% ในสัปดาห์นี้
         
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากคำสั่งซื้อขนาดใหญ่ลดลง
         
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.1% ในไตรมาสที่สองเมื่อเทียบกับสามเดือนก่อนหน้า ขณะที่การจ้างงานของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่สอง
         
ในสัปดาห์หน้าการเคลื่อนไหวในตลาดพันธบัตรจะเป็นประเด็นสำคัญ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการคลังของรัฐบาลในตลาดพัฒนาแล้ว รวมไปถึงการลงคะแนนไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝรั่งเศสในวันจันทร์ ซึ่งรัฐบาลผสมเสียงข้างน้อยของนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรู ดูเหมือนจะเสี่ยงที่จะล้ม ซึ่งอาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือและเพิ่มความเสี่ยงในการบังคับขายพันธบัตรของฝรั่งเศสที่ถูกกดดันอยู่แล้ว
         
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.54% ปิดที่ 61.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 2.22% ปิดที่ 65.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล