HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับ 1,240 และ 1,225 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,270 และ 1,285 จุด จับตาประเด็นการเมือง ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบเคลื่อนไหวที่ระดับ 31.80-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าปิดที่ 32.19 บาท
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (8-12 ก.ย.2568) ว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,240 และ 1,225 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,270 และ 1,285 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นการเมืองในประเทศ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม ECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ของญี่ปุ่นและอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต
สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นดีดตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นการเมืองในประเทศ (หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้น.ส.แพทองธาร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงก่อน) โดยประเมินว่าน่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายในระยะเวลาไม่นาน ช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปในหลายกลุ่ม นำโดย กลุ่มไฟแนนซ์ ค้าปลีก พลังงาน ตลอดจนปิโตรเคมีที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นย่อตัวลงช่วงสั้น ๆ ระหว่างสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไรของต่างชาติโดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีปัจจัยหนุนจากคาดการณ์เรื่องการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในรอบการประชุมเดือนก.ย. นี้ ท่ามกลางสัญญาณที่อ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ นอกจากนี้ การโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในช่วงท้ายสัปดาห์ก็เป็นอีกปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ที่ 5 ก.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,264.80 จุด เพิ่มขึ้น 2.28% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 42,259.94 ล้านบาท ลดลง 9.79% ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.40% มาปิดที่ระดับ 252.34 จุด
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท สัปดาห์ระหว่างวันที่ 8-12 ก.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 31.80-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่สัปดาห์ก่อน เงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงสั้น ๆ ต้นสัปดาห์ ก่อนจะทยอยอ่อนค่าในเวลาต่อมา เนื่องจากตลาดกลับมารอติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังแข็งค่าขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และได้รับแรงหนุนทางอ้อมจากทิศทางที่อ่อนค่าของเงินเยนและเงินปอนด์จากปัจจัยเฉพาะของทั้ง 2 สกุลด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ของราคาทองคำในตลาดโลก และแรงซื้อสุทธิหุ้นไทยของต่างชาติช่วงท้ายสัปดาห์หลังความกังวลต่อประเด็นทางการเมืองคลายตัวลงบางส่วน หลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายท่ามกลางการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนก.ย. นี้ หลังจากที่ข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ (ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเดือนก.ค. และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.) ออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด
วันศุกร์ที่ 5 ก.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.39 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 ส.ค.)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 25-29 ส.ค. 2568 นั้นซื้อสุทธิหุ้นไทย 689 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 2,130 ล้านบาท (ขายสุทธิพันบัตร 1,029 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 1,102 ล้านบาทตามลำดับ
