HoonSmart.com>>โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเจอความไม่แน่นอน เจอด่านกฎหมาย กดราคาหุ้น “บีทีเอส กรุ๊ปฯ ” (BTS) และ “ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ” (BEM) ร่วง “สุริยะ” รมว.คมนาคม เร่งเครื่อง ชงครม.ขอยกเว้นการเปิดรับฟังความคิดเห็น คาดกลางเดือนพ.ย.นี้ ได้ใช้ ส่วนยอดลงทะเบียนรับสิทธิเช้านี้ทะลุ 2 แสนคน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ให้ราคาเป้าหมายหุ้น BTS ที่ 4.40 บาท ปรับเพิ่มประมาณการขาดทุนทั้งปี (เม.ย.68-มี.ค.69) 848 ล้านบาท จากเดิมคาดไว้ 658 ล้านบาท
หุ้นรถไฟฟ้าร่วงเจอความไม่แน่นอนโครงการ 20 บาทตลอดสาย BTS ดิ่งลงไปต่ำสุดแตะ 3.32 บาท แม้พยายามสู้ แต่กลับปิดที่ 3.32 ลดลง 0.14 บาทหรือ-4.05% ส่วน BEM ปิดที่จุดต่ำสุด 5.25 บาท ติดลบ 0.15 บาทหรือ -2.78% สำหรับการซื้อขายหุ้นวันที่ 26 ส.ค.2568
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ยอมรับว่า โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คงไม่สามารถเริ่มใช้ได้ทันตามกำหนดเดิม 1 ต.ค.2568 เนื่องจากจำเป็นต้องผ่านกฎหมาย 3 ฉบับ ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ… ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .และ พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 แต่การพิจารณากฎหมายล่าช้า เป็นเพราะปัญหาเรื่ององค์ประชุมของสภาผู้แทนราษฎร
ดังนั้นต้องพยายามผ่านร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯ และ พ.ร.บ.รฟม. ในสภาฯ ให้จบ จากนั้นเมื่อเข้าสู่กระบวนการหลังโปรดเกล้าฯ แล้ว จะต้องออกกฎหมายลูก มีกระบวนการต่าง ๆ เช่น การรับฟังความคิดเห็น แต่เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว จะเสนอ ครม.ขอให้เว้นการรับฟังความคิดเห็น เนื่องจากโครงการ 20 บาทตลอดสาย เป็นผลบวกกับประชาชน หากกฤษฎีกาบอกว่าทำได้ ก็จะสามารถใช้รถไฟฟ้า 20 ตลอดสายได้ในช่วงกลางเดือนพ.ย.นี้
ส่วนกรณีรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีม่วง ที่จะสิ้นสุดการคิดค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ในเดือนก.ย.2568 นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า รถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ยังใช้ค่าโดยสารในราคา 20 บาทไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะเริ่มดำเนินการ
นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดผู้ลงทะเบียนรับสิทธิเข้าร่วมโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ณ เวลาประมาณ 08.06 น.จำนวน 200,583 คน หลังจากเปิดให้ลงทะเบียนวันแรกเมื่อ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา
ทางด้านบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ให้ราคาเป้าหมายหุ้น BTS ที่ 4.40 บาท หลังปรับลดประมาณการผลประกอบการปี FY2569 (เม.ย.2568-มี.ค.2569) จากการดําเนินงานปกติในไตรมาสแรก (เม.ย.-มิ.ย. 2568) แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ทั้งปี จึงปรับประมาณการขาดทุนสุทธิปี 2569 เพิ่มขึ้นจาก 658 ล้านบาทเป็น 848 ล้านบาท หลังจากปรับลดจํานวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีชมพูเหลือ 64,000 เที่ยวคนต่อวัน (จาก 66,000 เที่ยวคนต่อวัน) และรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเหลือ 44,000 เที่ยวคนต่อวัน (จาก 45,000 เที่ยวคนต่อวัน) ทั้งนี้ จํานวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันของรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 59,900 เที่ยวคนต่อวัน และ 42,800 เที่ยวคนต่อวันตามลําดับ
“ไตรมาส 1 ยังคงขาดทุนสุทธิ 230 ล้านบาท แม้จะลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 374 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 95 ล้านบาท ในไตรมาสก่อนหน้า เมื่อตัดรายการพิเศษออก ขาดทุนจากการดําเนินงานปกติอยู่ที่ 262 ล้านบาท ดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 374 ล้านบาท แต่แย่กว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ขาดทุน 128 ล้านบาท”
สาเหตุที่ทำให้ขาดทุนน้อยลง YoY หลักๆเป็นผลมาจากขาดทุนในส่วนของสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่ลดลงจากจํานวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น รวมถึงผลประกอบการของ ROCTEC ที่ดีขึ้น ในส่วนของ QoQ ที่ขาดทุนเพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ทําให้จํานวนผู้โดยสารของสายสีชมพูและสีเหลืองลดลง รวมถึงรายได้จาก BTSGIF ที่ลดลงด้วยเช่นกัน โดยขาดทุนจากการดําเนินงานปกติ คิดเป็น 40% ของประมาณการทั้งปีที่ทำไว้ โมเมนตัมอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 (ก.ค.-ก.ย. 2568) คาดว่าจะขาดทุนลดลง หลักๆ มาจากการดําเนินงานที่ดีขึ้นของสายสีชมพูและสายสีเหลือง นอกจากนี้ยังคาดว่าผลประกอบการของ RABBIT (BTS ถือหุ้น 65%) จะดีขึ้น เนื่องจากจะบันทึกกําไรจากการขายโรงแรมในยุโรป ประมาณ 100 ล้านบาท
