ดาวโจนส์ปิดบวก 16 จุด S&P500, Nasdaq ลบ นักลงทุนขายหุ้นเทคโนโลยี

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 16 จุด สวนทาง S&P500, Nasdaq ปรับตัวดลง แรงขายหุ้นกลุ่เทคโนโลยี นักลงทุนประเมินผลประกอบการกลุ่มค้าปลีกและรายงานการประชุมล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 20 สิงหาคม 2568 ปิดที่ 44,938.31 จุด เพิ่มขึ้น 16.04 จุด หรือ +0.04% แต่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับลง โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการกลุ่มค้าปลีกที่หลากหลายและรายงานการประชุมล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,395.78 จุด ลดลง 15.59 จุด, -0.24%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,172.86 จุด ลดลง 142.10 จุด, -0.67%

การเทขายหุ้นเทคโนโลยีต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยนักลงทุนแห่เทขายทำกำไรหุ้นบริษัทเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำหลายตัวที่เคยผลักดันให้ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ และย้ายออกจากหุ้นที่มีความเสี่ยงไปสู่กลุ่มที่ยังปรับขึ้นตามหลัง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพในการอยู่รอดของการเติบโตของ AI

เทรดเดอร์กล่าวว่าไม่มีปัจจัยที่ทำให้เกิดการเทขาย แต่อาจมาจากความคิดเห็นล่าสุดของแซม อัลท์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI ที่ชี้ให้เห็นว่าการเติบโตของ AI มีภาวะฟองสบู่

หุ้น Nvidia ลดลง 0.14% ขณะที่ Advanced Micro Devices และ Broadcom ต่างลดลงประมาณ 1% หุ้น Palantir ลดลงราว 1% และ Intel ลดลงราว 7% บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple , Amazon , Alphabet และ Meta Platforms ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน

แครอล ชไลฟ์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของ BMO Private Wealth กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่นักลงทุนบางส่วนเทขายทำกำไรในหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ โดยบางตัวปรับตัวขึ้นกว่า 80% นับตั้งแต่จุดต่ำสุดในช่วงต้นเดือนเมษายน

ผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกเป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อตลาด หุ้น Target ร่วงลง 6% หลังจากกำไรได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้และคงคาดการณ์ไว้ แต่แรงกดดันจากภาษีศุลกากรและผู้บริโภคที่ตึงตัวทำให้ไตรมาสนี้ซบเซาลงอีกไตรมาสหนึ่ง และประกาศแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ที่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์

แต่หุ้น Lowe’s ผู้ค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้าน เพิ่มขึ้น 0.30% หลังจากรายได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคมที่เผยแพร่เมื่อวาน แสดงให้เห็นว่าเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อ แม้ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่ายังเร็วเกินไปที่จะลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมผู้กำหนดนโยบายยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แต่คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ และมิเชลล์ โบว์แมน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ กลับไม่เห็นด้วย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1993ที่มีเจ้าหน้าที่เฟดสองคนที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ไม่เห็นด้วย

การเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งนี้มีขึ้นก่อนที่เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์ ซึ่งนักลงทุนเกาะติดเพื่อประเมินทิศทางของอัตราดอกเบี้ย เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่ามีโอกาสมากกว่า 80% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายครั้งต่อไปในเดือนกันยายน

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้โจมตีธนาคารกลางสหรัฐฯอีกครั้ง โดยเรียกร้องให้ผู้ว่าการเฟด ลิซา คุก ลาออก หลังจากที่บิล พัลที หัวหน้าสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐฯ (FHFA) เปิดโปงว่า ลิซา คุกให้ข้อมูลเท็จเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียว โดยลิซา คุก ได้กู้เงินจาก FHFA เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกนและระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก ต่อมาได้กู้เงินอีกครั้งหนึ่งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้บริโภคและกลุ่มการเฮลธ์แคร์ แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่ปรับตัวลงจำกัดการปรับขึ้น ก่อนการประชุมสำคัญของธนาคารกลางทั่วโลก

ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปปิดตลาดที่ระดับปิดสูงสุดในรอบกว่า 5 เดือน แต่ตลาดหุ้นหลักในภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับตัวลง
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 559.09 จุด เพิ่มขึ้น 1.28 จุด, +0.23%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,288.14 จุด เพิ่มขึ้น 98.92 จุด, +1.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,973.03 จุด ลดลง 6.05 จุด, -0.08%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,276.97 จุด ลดลง 146.10 จุด, -0.60%

ตลาดยังคงมีความหวังเกี่ยวกับความคืบหน้าในการยุติสงครามในยูเครนของรัสเซีย ขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตรเตรียมที่จะหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนทางทหารต่อยูเครน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง แต่ยังคงมีความระมัดระวังเนื่องจากรายละเอียดยังไม่ชัดเจน

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจอโรม พาวเวล ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง วันศุกร์นี้

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรพุ่งขึ้นแตะ 3.8% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2024 และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของธนาคารกลางอังกฤษ

หุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 2.3% นำโดยหุ้น Nestle ที่เพิ่มขึ้น 3.6% ตามมาด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและสินค้าในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น 1.4%

หุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศในยุโรปลดลง 1.4% จากความคาดหวังถึงข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน

หุ้น Alcon ร่วงลง 9.4% นับเป็นการร่วงลงในวันเดียวที่มากที่สุดในรอบกว่า 5 ปี หลังจากปรับลดคาดการณ์ยอดขายสุทธิในปี 2025 ลง เนื่องจากคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.38% ปิดที่ 63.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลและราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 66.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล