“คลัง”เผยรับแลกเงินดิจิทัลจากนักท่องเที่ยว หวังต่างชาติใช้เงินเพิ่มขึ้น 1.75 แสนล้านบาท

HoonSmart.com>>รมว.คลัง หวัง “TouristDigiPay”รับสินทรัพย์ดิจิทัลจากนักท่องเที่ยวต่างชาติแปลงเป็นเงินบาท รับไฮซีซั่นไตรมาส 4 ได้ประโยชน์หลายต่อ ทั้งกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 10% ต่อรายคาดเงินสะพัด 1.75 แสนล้านบาท แลกได้สูงสุด 5.5 แสนบาทต่อราย ให้ยืนยันตัวตนระดับ 2.3  ก.ล.ต.เตรียมเปิดรับสมัครผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน+กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ 3 เดือน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตึ้รีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานเปิดตัว “TouristDigiPay” โครงการทดสอบ (Sandbox) ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทและนำไปใช้จ่ายผ่าน e-money เพิ่มทางเลือก และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้น และส่งเสริมการนำนวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัลมาสนับสนุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับ
หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ทั้งนี้ คาดหวังว่าโครงการดังกล่าวจะกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ต่อรายต่อทริป จะคิดเป็นเงินประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ที่จะเข้าสู่ผู้ประกอบการรายย่อยที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

“ผมประเมินว่าต่างชาติเข้ามาบ้านเรา 35 ล้านคน เพียงแค่มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 10% จะเป็นประมาณ 1.75 แสนล้านบาทที่จะลงไปยังร้านค้าย่อยๆ ในธุรกิจการท่องเที่ยว”นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวว่า เป็นโครงการที่สนับสนุนการท่องเที่ยวโดยตรง เพิ่มช่องทางการใช้จ่ายเงินให้ครบขึ้น มากขึ้น เพิ่มความสะดวกให้ดีที่สุด และยังจะช่วยเพิ่มการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ปัจจุบันยอดแลกเปลี่ยนขึ้นมาเฉลี่ยวันละเกือบ 3 หมื่นล้านบาท โครงการนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถใช้จ่ายในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้มีความทันสมัย สร้างโอกาสในการดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้าสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น

ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศเพื่อรองรับการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลในภาคเศรษฐกิจจริงอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย ภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่รัดกุม และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

ยืนยันตัวตนระดับ 2.3 กันฟอกเงิน

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “โครงการ TouristDigiPay เป็นการต่อยอดระบบนิเวศ (ecosystem) เดิมที่มีอยู่แล้วร่วมกัน ระหว่างระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของ ก.ล.ต.และระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีการป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม

ทั้งนี้ กระบวนการทำความรู้จักตัวตนของผู้ใช้บริการ (KYC/CDD) ตามเกณฑ์ของ ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการ e-money  ทั้งในการทำความรู้จักตัวตนของผู้ใช้บริการ (Know Your Customer: KYC) การประเมินความเสี่ยงของลูกค้า (Customer Due Diligence: CDD) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการควบคุมดูแลและป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน

ขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้ามาหารือเพื่อเตรียมความพร้อม (pre-consultation) ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2568 โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2568 และเมื่อโครงการสิ้นสุดลงจะมีการประเมินประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมต่อไป

“โครงการ “TouristDigiPay” น่าจะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มวัย 20-45 ปี ที่นิยมถือครองและลงทุนเงินสกุลดิจิทัล เข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น”นางพรอนงค์ กล่าว

น.ส.จอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล จะต้องจับคู่มากับผู้ให้บริการระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) เพื่อมายื่นขอเข้าร่วมโครงการ “TouristDigiPay” โดยจะเปิดรับสมัครประมาณ 3 เดือนนี้ เพื่อเปิดใช้บริการให้ทันในช่วงไตรมาส 4 ที่เป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ซึ่งจะให้แลกสินทรัพย์ดิจิทัล (ไม่จำกัดสกุล) รวมกับใช้เงินต่างประเทศ รวมกัน 5.5 แสนบาทต่อหนึ่งทริปการท่องเที่ยว หรือ จะใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพียงอย่างเดียวก็ได้ และมีการยืนยันตัวตน หรือ KYC ระดับ 2.3 (คือแบบเห็นหน้า) โดยชำระร้านค้าย่อยได้ในวงเงิน 5 หมื่นบาท และ ร้านค้าที่มีระบบการยืนยันตัวตนแบบ KYM (Know Your Merchant) 5 แสนบาท

“โครงการนี้นอกจากจะกระตุ้นการท่องเที่ยวแล้ว ยังจะทำให้สภาพคล่องของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยคึกคักเพิ่มขึ้นด้วย เพราะมีปริมาณเงินดิจิทัลเข้าสู่ตลาดมากขึ้น”น.ส.จอมขวัญ กล่าว

วิธีแปลงเงินดิจิทัลเป็นเงินบาท

กรณีเข้ามาในประเทศพร้อมเงินดิจิทัลทุกสกุล นักท่องเที่ยวโอนสินทรัพย์ดิจิทัลไปยังผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ศูนย์ซื้อขายหรือผู้ค้า ผู้ให้บริการจะทำการขายสินทรัพย์ดิจิทัลและแปลงเป็นเงินบาทใส่เข้าไปในกระเป๋าเงิน  e-money ที่ลูกค้าเลือก หลังจากนั้นสามารถสแกนจ่ายค่าสินค้า/บริการ กับร้านค้าที่รองรับในประเทศไทย

กับร้านค้าทั่วไปใช้ได้สูงสุด 50,000 บาท และกับร้านค้าที่ผ่าน KYM (Know Your Merchant) 500,000 บาท

กรณี ใช้เงินไม่หมดต้องการแลกเงินบาทเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ก็แจ้งผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลดำเนินการได้ทันที และต้องใช้กระเป๋าเงิน e-money  เดียวกันกับช่วงที่แลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท

ปปง.พร้อมดูแลและติดตามเส้นทางเงิน

นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า พร้อมที่จะให้การนำเงินเข้าออกเป็นไปโดยสุจริต มีกระบวนการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยมีการหารือกับทางกระทรวงการคลัง ก.ล.ต.  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยจะให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการ e-Money ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตามที่สำนักงาน ปปง. กำหนดอย่างเคร่งครัดภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

“เรามีกลไกในการกำกับดูแลที่เข้มข้น การติดตามเส้นทางเงิน ที่พร้อมและสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ”นายเทพสุ กล่าว

เราเคย 18% ของจีดีพี แรงขับเคลื่อนดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา กลุ่มที่มีศักยภาพและมีความสนใจ

 

———————————————————————————————————————————————————–