ดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย 34 จุด หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นท้ายตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย แรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหนุน ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเกือบ 2% กังวล Brexit ด้านราคาน้ำมันดิบร่วง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 9 ธันวาคม 2561 ที่ 24,423.26 จุด เพิ่มขึ้น 34.31 จุด หรือ % ด้วยแรงซื้อที่กลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงท้ายตลาด จากที่ช่วงแรกของการซื้อขายดัชนี DJIA ร่วงลงไปต่ำกว่าระดับ 24,000 ด้วยแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำโดยหุ้นแอปเปิลหลังจากรายงานข่าวว่าศาลจีนตัดสินให้บริษัทแพ้คดีการละเมิดสิทธิบัตรบริษัทควอลคอม

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัยลบตั้งแต่ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีกับพันธบัตรอายุ 10 ปีแคบลง ซึ่งส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว รวมไปถึงการลงมติของรัฐสภาอังกฤษต่อแผนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปที่เลื่อนออกไปจากวันอังคารที่ 11 ธันวาคม

นักลงทุนยังวิตกต่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน หลังจากเมื่อวันอาทิตย์จีนเรียกฑูตสหรัฐเข้าพบเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อกรณีการจับกุมเมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารหัวเหว่ยในแคนาดา

หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 0.66% หุ้นเฟซบุ๊คเพิ่มขึ้น 3.22% หุ้นอเมซอนเพิ่มขึ้น 0.73% หุ้นเน็กฟลิกซ์เพิ่มขึ้น 1.72% หุ้นอัลฟาเบทเพิ่มขึ้น 0.63%

ความกังวลต่อเศรษฐกิจชะลอตัวมีผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลง โดยหุ้นเจพีมอร์แกนลดลง 1.90% หุ้นแบงก์ออฟอเมริกาลดลง 2.63% หุ้นซิตี้กรุ๊ปลดลง 2.21% หุ้นมอร์แกนสแตนเล่ย์ลดลง 1.48%

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงจากราคาน้ำมันดิบที่ตกลงไปอีก โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปลดลง 1.08% หุ้น ไพโอเนียร์เนเชอรัลรีซอร์สเซสลดลง 1.71%

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,637.72 จุด เพิ่มขึ้น 4.64 จุด,+0.18%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,020.52 จุด เพิ่มขึ้น 51.27 จุด, +0.74%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเกือบ 2% กังวล Brexit

ตลาดยุโรปปิดลบจากความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนของการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษหลังจากนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ประกาศเลื่อนการลงมติของรัฐสภาออกไปจากที่กำหนดไว้ในวันอังคารที่ 11 ธันวาคม

ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงไปที่ 1.266 ต่อเงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนเมษายน 2017 และยังอ่อนค่าต่อเนื่องไปที่ 1.266 ต่อดอลลาร์หรือเกือบ 1.7% ในวันเดียว ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่า 7% จากต้นปี

นักลงทุนยังกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจประเทศใหญ่แสดงถึงการชะลอตัว โดยจีดีพีไตรมาสสามของญี่ปุ่นหดตัว 2.5% ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต(producer price index) ของจีนเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 2.7% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่ชะลอตัวในรอบมากกว่า 2 ปี ส่วนอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 2.2% ต่ำกว่าที่คาด

ในตลาดหุ้นเยอรมนีหุ้น BASF ลดลงมากกว่า 4% หลังในสัปดาห์ก่อนบริษัทปรับลงประมาณการณ์กำไรปี 2018 ลง ขณะที่หุ้นกลุ่มยานยนต์ยังได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งทางการค้า หุ้นเฟียตไคร์สเลอร์ลดลงมากกว่า 3% หุ้นเรย์โนลด์และหุ้นเปอโยต์ซีตรองต่างลดลง 4%

ในตลาดหุ้นฝรั่งเศส หุ้นแอร์ฟรานซ์เพิ่มขึ้น 1.6% หลังรายงานตัวเลขการขนส่งผู้โดยสารที่ดีกว่าคาดในเดือนพฤศจิกายน

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,721.54 จุด ลดลง 56.57 จุด,-0.83%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 338.99 จุด ลดลง 6.46 จุด,-1.87%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,742.38 จุด ลดลง 70.74 จุด,-1.47%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,622.97 จุด ลดลง 166.02 จุด, -1.54%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคมลดลง 1.61 ดอลลาร์ปิดที่ 51.00 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์ปิดที่ 59.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล