HoonSmart.com >> บอร์ด FM ใจป้ำ! เคาะจ่ายปันผล 0.15 บาท หรือ 100% ของกำไรสุทธิ โชว์ผลงาน 6 เดือน กวาดรายได้ 3,682 ลบ. กำไรสุทธิ 388 ล้านบาท ผลจากยอดขายผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปปรุงสุก (CAV Product) มาร์จิ้นสูง มีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง เดินหน้าขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 30% ลุยเจาะตลาดใหม่ อัพยอดขาย ปีนี้ผลงานเข้าเป้าเติบโตระดับ 12-15%

นายสุเมธ มาสิลีรังสี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 68 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 3,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 3,624 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 371 ล้านบาท
ปัจจัยหลักที่สนับสนุนมาจากการขยายตัวของธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนไก่แปรรูปปรุงสุก (CAV) มียอดขายเพิ่มขึ้น 197 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16% จากปริมาณการขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแถบยุโรป
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เป็นเงินสดในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 148.17 ล้านบาท หรือคิดเป็น 100% จากกำไรสุทธิครึ่งปีแรกของงบการเงินเฉพาะกิจการปี 2568 ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 9 กันยายน 2568
นายสุเมธ กล่าวต่อว่า FM ตั้งเป้าภายใน 3 ปี (2568 – 2570) จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 65% จากปัจจุบัน 42% รายได้แตะ 10,000 ล้านบาท โดยปี 2568 วางเป้ารายได้เติบโต 12-15% จากปีก่อน โดยเป็นการเติบโตแบบ ทั้ง Organic และ Inorganic โดย Organic Growth มาจากการขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม Premium และร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ที่เป็น Global Brand ขณะที่ Inorganic Growth บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาการเข้าสู่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง โดยเน้นใช้วัตถุดิบจากไก่เพื่อเพิ่มมูลค่า พร้อมจับมือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ คาดว่าจะชัดเจนภายในปีนี้
นายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FM กล่าวว่า บริษัทฯ นำเงินจากการระดมทุน ใช้ขยายกำลังการผลิต ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานแปรรูปปรุงสุกจาก 27,000 ตันต่อปี เป็น 36,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับออเดอร์ใหม่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มกำลังการผลิตโรงเชือดประมาณ 25 %
“บริษัทฯ มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับที่ดี และบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ พร้อมเดินหน้านำเทคโนโลยีมาปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณการขาย ตลอดจนผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เหลือ 0% อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายณัฐพล กล่าว
