HoonSmart.com>>อินทรประกันภัย รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 กำไร 36 ล้านบาท พุ่ง 175% แต่งวดครึ่งปีแรก ขาดทุนสุทธิ 91.5 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 100.3 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายจากสัญญาประกันภัยต่อที่สูงขึ้น และการบันทึกบัญชีตามมาตรฐานบัญชีใหม่
บริษัทอิทรประกันภัย (INSURE) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิจำนวน 36 ล้านบาท (กำไร 2.96 บาทต่อหุ้น) เพิ่มขึ้น 175% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีขาดทุนสุทธิ 48 ล้านบาท (ขาดทุน 4.72 บาทต่อหุ้น)

รายได้จากการประกันภัยรวมของบริษัทฯ อยู่ที่1,366 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สืบเนื่องจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลัก อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการบริการ ประกันภัยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 278.0 % หรือเป็นจำนวนเงิน 1,971 ล้านบาท
สาเหตุหลักมาจากการ ปรับปรุงประมาณการค่าสินไหมทดแทนกรณีเกิดแผ่นดินไหวเป็นมูลค่า 1,604 ล้านบาท ทั้งนี้ค่าสินไหมดังกล่าวอยู่ภายใต้ ความคุ้มครองของสัญญาประกันภัยต่อ ส่งผลให้ผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทมีอยู่ในวงจำกัด
สำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกปี 2568 ขาดทุนสุทธิ 91.5 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 100.3 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
มีรายได้จากเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 2,691.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตในกลุ่มประกันภัยรถยนต์และเบ็ดเตล็ด
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยพุ่งแตะ 3,922.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 180% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานจากการบริการประกันภัยลดลงเหลือเพียง 55.1 ล้านบาท จาก 237.7 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายสุทธิจากสัญญาประกันภัยต่ออยู่ที่ 1,382.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 763.6 ล้านบาทในปีก่อนหน้า สะท้อนถึงภาระต้นทุนที่สูงขึ้นจากการบริหารความเสี่ยงและการรับคืนสินไหมที่ลดลง
รายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 49.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 38.1 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก
บริษัทมีผลขาดทุนต่อหุ้นขั้นพื้นฐานที่ 7.63 บาท เทียบกับกำไรต่อหุ้นที่ 9.96 บาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
สินทรัพย์รวม ณ สิ้นไตรมาสอยู่ที่ 7,366.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 6,271.1 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 ขณะที่หนี้สินรวมเพิ่มขึ้นเป็น 5,930.2 ล้านบาท จาก 4,642.2 ล้านบาท
บริษัทระบุว่าแรงกดดันจากค่าสินไหมทดแทนและการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างต้นทุนจากมาตรฐานบัญชีใหม่เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อผลประกอบการในไตรมาสนี้ โดยฝ่ายบริหารยังคงมุ่งเน้นการปรับกลยุทธ์การรับประกันภัยและการบริหารความเสี่ยงเพื่อฟื้นฟูความสามารถในการทำกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง
