เงินเฟ้อก.ค.ลดลง 0.7% ส่อติดลบอีก 1-2 เดือน โบรกฯชี้สะท้อนดอกเบี้ยยังต่ำ บวกต่อกลุ่ม Yield Play

HoonSmart.com>>เงินเฟ้อไทยเดือนก.ค. ลดลง 0.7% ลบติดต่อกันเดือนที่ 4 เหตุราคาผัก-พลังงานลดลง คาดแนวโน้มเงินเฟ้อมีโอกาสติดลบ 1-2 เดือน ด้าน “บล.หยวนต้า” ชี้เงินเฟ้อยังติดลบต่อ สะท้อนดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในระดับต่ำอีกระยะ เป็นปัจจัยบวกเชิง Sentiment ต่อกลุ่ม Yield Play “สื่อสาร, โรงไฟฟ้า, ไฟแนนซ์, REIT”
ฟาก “บล.ฟิลลิป” แนะนำเก็งกำไรในหุ้นเกี่ยวกับการจับจ่ายใช้สอย

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนก.ค.2568 เท่ากับ 100.15 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งเท่ากับ 100.86 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.70% (YoY) โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าในกลุ่มผักสด ผลไม้สด และของใช้ส่วนบุคคล ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานลดลง ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก และค่ากระแสไฟฟ้าตามมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนมิ.ย.2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.25% (YoY) โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 10 จาก 140 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 จาก 9 ประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ประกาศตัวเลข (บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม สปป.ลาว)

สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเฉลี่ย 7 เดือน (ม.ค.–ก.ค.) ของปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของ ปี 2567 สูงขึ้น 0.21% (AoA)

แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนส.ค.2568 คาดว่าจะอยู่ระดับต่ำเช่นเดียวกันกับเดือนก.ค.2568

โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่

1.ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างอ่อนแอ และความตึงเครียดจากความขัดแย้งของประเทศผู้ผลิตน้ำมันอยู่ในระดับจำกัด

2.ภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือนพ.ค.-ส.ค.2568 ลง 17 สตางค์ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย

3.ราคาผักสดและผลไม้สดอยู่ระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น

4.ค่าบริการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวลดลง ตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวต่าง ๆ ประกอบกับผู้ประกอบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อตอบรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง

สำหรับปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่

1.ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น เนื้อสุกร มะพร้าว มะขามเปียก กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หลายสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะราคาน้ำมันพืช และเนื้อสุกร

2.อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ (Reciprocal Tariffs) ต่อประเทศคู่ค้าต่าง ๆ มีความชัดเจนมากขึ้น โดยเป็นอัตราที่ต่ำกว่าครั้งก่อนหน้า ซึ่งจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกทยอยปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้น

ผู้อำนวยการ สนค. คาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อเดือนส.ค.ว่า จะยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับไปเป็นบวกได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ พร้อมยืนยันว่า แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะติดลบต่อเนื่องกัน 4 เดือน แต่ไม่ใช่สถานการณ์ของเงินฝืดแต่อย่างใด

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0% (ค่ากลาง 0.5%) แต่อาจจะมีการทบทวนตัวเลขเงินเฟ้อใหม่ในครั้งหน้า

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า เผย เงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.ค. ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และมีแนวโน้มติดลบต่อเนื่องอีก 1-2 เดือนข้างหน้า สะท้อนทิศทางดอกเบี้ยในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำอีกระยะ เป็นปัจจัยบวกเชิง Sentiment ต่อกลุ่ม Yield Play คือ สื่อสาร, โรงไฟฟ้า, ไฟแนนซ์, REIT เช่น ADVANC, TRUE, GPSC, GULF, BPP, MTC, XPG, 3BBIF, CPNREIT เป็นต้น

ด้านบล.ฟิลลิป เผยเงินเฟ้อกค.หดตัว 0.70% y-y หดตัวมากกว่าตลาดคาดและเดือนมิ.ย.68 ที่หดตัว 0.40% y-y และ 0.25% y-y ตามลำดับ ส่วน Core CPI ขยายตัว 0.84% y-y ต่ำกว่าตลาดคาดและชะลอลงจากเดือนมิ.ย.68 ที่ 0.93% y-y และ 1.06% y-y ตามลำดับ

“เรามีมุมมองเป็นกลางถึงเชิงบวกต่อเงินเฟ้อไทย เนื่องจากโดยหลักแล้วปัจจัยที่ฉุดรั้งเงินเฟ้อมาจากฝั่งอุปทานเป็นหลัก ซึ่งมิได้เป็นสัญญาณบ่งชี้อย่างมีนัยสำคัญต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค อีกทั้ง เงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลงในระยะต่อไปด้วยปัจจัยทางด้านอุปทานยังมีแนวโน้มเป็นแรงหนุนต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ดังนั้น ในแง่กลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นเราแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่เกี่ยวกับการจับจ่ายใช้สอย ได้แก่ BJC, BTG, CPALL, CPF, CRC, DOHOME, GLOBAL, KTC, NSL, OSP, SAWAD”

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–