ดาวโจนส์ปิดลบ 79 จุด รับข่าวเฟดอาจชะลอขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดลบ 79 จุด จากระหว่างวันร่วงเกือบ 800 จุด หลังเฟดระบุอาจปรับดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไปหนุนตลาดรีบาวด์ ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงกว่า 3% ต่ำสุดรอบ 2 ปี ส่วนราคาน้ำมันดิบลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 6 ธันวาคม 2561 ที่ 24,947.67 จุด ลดลง 79.40 จุด หรือ 0.32% ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงไปเกือบ 800 จุดในวันอังคารที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา แม้ช่วงต้นของชั่วโมงซื้อขายจะอ่อนตัวลงจากความกังวลเกรงว่าการจับกุมผู้บริหารบริษัทหัวเว่ยในแคนาดาจะทำให้ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนลุกลามและความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่แรงซื้อที่กลับเข้ามาหลังจากรายงานข่าวว่า ธนาคารกลาง (เฟด) อาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่ปรับขึ้นเร็ว หนุนให้ตลาดพลิกจากจุดต่ำสุดของวัน

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันพุธที่ 5 ธันวาคม 2561 เพื่อไว้อาลัยแก่นายจอร์จ เอช. ดับเบิ้ลยู. บุช ประธานาธิบดีคนที่ 41 ที่ถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 30 พฤศจิกายน

ดิวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า ธนาคารกลางกำลังพิจารณาว่าจะส่งสัญญานว่าจะปรับแนวนโยบายการเงินเป็นรอดูสถานการณ์ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการในการประชุมครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 ธันวาคมนี้ และยังไม่ตัดสินใจว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในหลังเดือนธันวาคมหรือไม่ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดกำลังชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า อย่างไรก็ตามตลาดคาดว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนนี้

ออโตเมติกดาต้าโพรเซสซิ่งเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 179,000 ตำแหน่งตำกว่า 195,000 ที่นักวิเคราะห์คาด และเมื่อเทียบกับ 225,000 ตำแหน่งเดือนตุลาคม

หุ้นกลุ่มธนาคารยังคงลดลงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง โดยหุ้นเจพีมอร์แกนลดลง 1.99% หุ้นซิตี้กรุ๊ปลดลง 3.55% หุ้นมอร์แกน สแตนเล่ย์ลดลง 1.18%

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงหลังการประชุมประชุมกลุ่มโอเปคและรัสเซียไม่มีข้อสรุป ทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลง โดยหุ้นเชฟรอนลดลง 1.06% หุ้นเอ็กซอนโมบิลลดลง1.31% หุ้นฮัลลิเบอร์ตันลดลง 4.70% หุ้นมาราธอนปิโตรเลียมลดลง 3.62% หุ้นเดวอนเอ็นเนอร์จีลดลง 1.49%

หุ้นที่ยังอ่อนไหวจากประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนลดลง โดยหุ้นโบอิ้งลดลง 3.12% หุ้นแคทเธอพิลลาร์ลดลง 0.75% หุ้นแอปเปิลลดลง 1.11%

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,695.95 จุด ลดลง 4.11 จุด,-0.15%%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,188.26 จุด เพิ่มขึ้น 29.83 จุด, +0.42%

ตลาดหุ้นยุโรปร่วงกว่า 3% ต่ำสุดรอบ 2 ปี

ตลาดยุโรปปิดลบกว่า 3%ไปที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี ท่ามกลางความวิตกต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงและหวั่นวิตกว่าการจับกุมผู้บริหารบริษัทหัวเว่ยในแคนาดาจะทำให้ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนลุกลามมากขึ้น และไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจากันได้

หุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวกับจีนพากันลดลง ได้แก่ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มยานยนต์

หุ้นแดมเลอร์ไคร์สเลอร์ลดลง 6.18%

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,704.05 จุด ลดลง 217.79 จุด,-3.15%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 343.31 จุด ลดลง 10.96 จุด,-3.09%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,780.46 จุด ลดลง 163.91 จุด,- 3.32%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,819.98 จุด ลดลง 389.26 จุด, -3.48%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคมลดลง 1.40 ดอลลาร์หรือ 2.7%ปิดที่ 51.49 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 1.50 ดอลลาร์หรือ 2.4% ปิดที่ 60.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์