5 หน่วยงานแถลงความสำเร็จคดี MORE -ดีเดย์ 1 ก.พ.เปิดใช้เครดิตบูโรธุรกิจหลักทรัพย์

HoonSmart.com >> 5 หน่วยงานแถลงความสำเร็จคดีหุ้น MORE  ยึดทรัพย์ 4,500 ลบ.คืน 10 โบรกเกอร์ เดินหน้าคดีปั่นหุ้น 42 ราย มูลค่าทรัพย์ 226 ลบ. อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ฟาก “เทพสุ” เลขาปปง. มั่นใจมูลความผิดชัดเจน คดีฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ มีการวางแผนทุกขั้นตอน ส่วนผู้กระทำผิด มีสิทธิอุทธรณ์ ภายใน 30 วันหลังศาลตัดสิน กรณีไม่อุทธรณ์ ปปง. นำทรัพย์มาคืนตามคำสั่งศาล   ขณะที่ “พิเชษฐ” นายกสมาคม บล. เตรียมนำแพลตฟอร์ม SDEP มาใช้ตรวจสอบการขอวงเงินของนักลงทุน  ป้องกันความเสี่ยงโบรกเกอร์ ดีเดย์ 1 ก.พ. 2569 วงการคาดก่อนอนุมัติ 30 ล้านบาทต้องเข้ามาเช็คข้อมูลก่อน 

วันที่ 1 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา  5 หน่วยงาน ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีหุ้น MORE ( มอร์ รีเทิร์น ) ประกอบด้วย ตลาดหลักทรัพย์  สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) แถลงความคืบหน้าสำคัญการดำเนินคดี MORE และการยกระดับการทำงานร่วมกันของตลาดทุนไทย

 

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า คดีหุ้น MORE  เป็นบทเรียนช่วยผลักดันแต่ละองค์กร นำองค์ความรู้ช่วยพัฒนาตลาดทุน

กรณี MORE ตลาดหลักทรัพย์นอกจากเป็นตัวกลางซื้อขายหุ้นแล้ว ยังเป็นตัวกลางประสานความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรม รวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งคดี MORE แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของการกระทำความผิดในตลาดทุน มีความซับซ้อนมากขึ้นและทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ในวงกว้าง

” ตลาดหลักทรัพย์ ได้ยกระดับการกำกับดูแล , การปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพกฎเกณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อาทิ มาตรการ Auto Pause รายหลักทรัพย์ มาตรการ Minimum Resting Time การเปิดเผยข้อมูลหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้น ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งซื้อขายไม่เหมาะสมแก่บริษัทหลักทรัพย์สมาชิกทุกราย เพื่อให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถใช้ประกอบการบริหารความเสี่ยงและร่วมกันป้องปรามพฤติกรรมดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที” นายอัสสเดช กล่าวเสริม

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) กล่าวว่า ASCO เป็น 1 หน่วยงานสำคัญ ในการประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลให้กับโบรกเกอร์ที่ได้รับความเสียหาย ตั้งแต่ช่วงเริ่มเกิดเหตุการณ์ของการกระทำความผิด จนสามารถรวบรวมหลักฐานในการร้องทุกข์กล่าวโทษได้

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ASCO ได้นำเสนอมาตรการต่าง ๆ ต่อหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อปิดความเสี่ยงไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งวันที่ 1 ก.พ.2569 เริ่มใช้ Securities Data Exchange Platform (SDEP) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม  เกี่ยวกับการปล่อยมาร์จิ้น , การวางหลักประกัน, การชำระราคา , คุณภาพหลักทรัพย์ ตลอดจนวงเงินลูกค้า เพื่อลดความเสี่ยงโบรกเกอร์ ก่อนที่จะเพิ่มวงเงินให้กับลูกค้า กรณีที่เกิน X บาท จะต้องเข้ามาตรวจสอบเครดิตและข้อมูลของลูกค้าในแพลตฟอร์มนี้ก่อน

พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กล่าวว่า คดีหุ้น MORE เป็นคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีความซับซ้อน ผู้กระทำความผิดมีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับตลาดหุ้นและใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวช่วยในการกระทำความผิด ส่งผลกระทบต่อตลาดทุนและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างจำนวนมาก

บช.ก.ได้ระดมผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานในสังกัดและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทหลักทรัพย์ ก.ล.ต. ปปง. และ DSI เพื่อเร่งรัดดำเนินการระงับยับยั้ง ความเสียหาย จนสามารถดำเนินคดีและมีความเห็นสั่งฟ้องผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 42 ราย ถือเป็นคดีปั่นหุ้นที่ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้จำนวนมากที่สุด และสามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้สูงถึง 4,500 ล้านบาท ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทำให้สามารถยับยั้งการกระทำความผิดและดำเนินคดีได้อย่างทันท่วงที

นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ปปง.มีบทบาทตั้งแต่ต้น  ได้ประสานงานใกล้ชิดกับหน่วยงานต่าง ๆ เนื่องจาก เห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรง มองกฏหมายทุกมิติ พบว่า เป็นการฉ้อโกง มีการวางแผนทุกขั้นตอน และได้ใช้กฎหมายยึดทรัพย์สินชั่วคราว

นอกจากนี้ ปปง. ต้องตัดวงจรอาชญากรรม และมั่นใจว่าคดีนี้ มีความผิดชัดเจน โดยแบ่งเป็น 3 สำนวน คือ 1.การฉ้อโกลเป็นปกติธุระ มีทรัพย์สินที่ยึดไว้ 4,400 ล้านบาท ซึ่งศาลได้ตัดสินคดีเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา ให้ส่งคืนโบรกเกอร์ผู้เสียหายทั้ง 10 ราย 2. อั้งยี่ ศาลแพ่งยึดทรัพย์สิน 19 รายการ มูลค่า 129 ล้านบาท เฉลี่ยคืนโบรกเกอร์ 10 ราย และ 3 คดีสร้างราคาหุ้น มูลค่า 226 ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

” ความผิดคดีนี้ชัดเจน การประสานความร่วมมือข้ามหน่วยงาน  สามารถระงับธุรกรรมต้องสงสัยได้ภายในวันเดียว จากเดิมใช้เวลา 2-3 วัน ป้องกันความเสียหายและติดตามทรัพย์ได้รวดเร็ว สามารถตัดวงจรอาชญากรรม ยับยั้งการกระทำผิดทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย ด้วยความโปร่งใสในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและเป็นระบบ สำหรับคดีหุ้น MORE ศาลมีคำสั่งคืนหรือชดใช้ทรัพย์สินให้บริษัทหลักทรัพย์ผู้เสียหาย 10 ราย รวมมูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการบูรณาการข้อมูลและอำนาจหน้าที่ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดทุนไทยมีความน่าเชื่อถือและมั่นคงมากขึ้นในระยะยาว

พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวว่า คดีหุ้น MORE  เป็นอาชญกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งผู้กระทำความผิด มีความชำนาญการซื้อขายหุ้น , อยู่ในวงการซื้อขายหุ้น รู้ขั้นตอนการซื้อขาย ซึ่งหลักฐานสำคัญ พบว่า มีไอพีแอดเดรท อยู่ในจุดเดียวกันในการสร้างราคา , หลักฐานจากการพูดคุยในไลน์ และโทรศัพท์

สำหรับผู้ต้องการแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. ผู้คิดวางแผน หรือมันสมอง จำนวน 2 คน โดย 1 คนหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน , 2 . ตัวกลางสนับสนุน (คีย์คำสั่งซื้อขาย) 7 ราย และ 3. เจ้าของบัญชี จำนวน 33 ราย

่” คดีอาญา อัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหา 42 ราย และแจ้งข้อหาบางรายเพิ่มเติม ”

สำหรับยอดความเสียหาย คดีฉ้อโกงซึ่งกระทำโดยปกติธุระ ที่ศาลตัดสินไปเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา จะมีการคืนทรัพย์ 59 รายการ มูลค่า 4,460 ล้านบาท ให้โบรกเกอร์ 10 ราย , คดีอั้งยี่ ความเสียหาย 129 ล้านบาท คืนให้โบรกเกอร์ 10 ราย ส่วนคดีปั่นหุ้น 226 ล้านบาท ยึดทรัพย์เป็นของแผ่นดิน

” ความสำเร็จของเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการบูรณาการหลายหน่วยงาน ยกระดับมาตรฐานการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้ระงับยับยั้งความเสียหายของบริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 10 บริษัท รวมความเสียหายประมาณ 4,500 ล้านบาท ที่จะต้องชำระให้กับผู้ขายหลักทรัพย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วย โดยใช้มาตรการทางแพ่งของกฎหมายฟอกเงิน ในการร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินและนำมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย และยังมีการดำเนินคดีอาญากับกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิดด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายฟอกเงิน เท่ากับผู้กระทำผิดไม่ได้ทรัพย์สินตามที่ตั้งใจไว้และยังอาจจะต้องรับโทษในทางอาญาในสถานหนักด้วย” อธิบดี DSI กล่าว

นายเทพ สุ เลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า  มีความมั่นใจการทำคดีนี้ ซึ่งความผิดมีมูลชัดเจน , หน่วยงานก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นพยานสำคัญ รวมทั้งเนื้อหาคำพิพากษา 1,000 หน้า ผู้พิพากษา วินิจฉัยทุกประเด็น

” ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์ แต่ปปง. มั่นใจในการทำคดี กรณีที่ผู้ต้องหาไม่อุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับจากศาลตัดสิน (18 ก.ค.68 ) ปปง. จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล นำทรัพย์สินใช้คืนโบรกเกอร์ผู้เสียหายทั้ง 10 ราย”  เลขาธิการ ปปง. กล่าว

พันตำรวจตรี ยุทธนา อธิบดี DSI  กล่าวเสริมว่า คดีแพ่งที่ตัดสินไปจบไปแล้ว DSI มั่นใจว่า ผู้ถูกกล่าวหา จะพิสูจน์ยากในการได้เงินมาโดยสุจริต

แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ กล่าวว่า แพลตฟอร์ม SDEP เปรียบเสมือนเครดิตบูโรของวงการหลักทรัพย์  หากลูกค้ามาขอเพิ่มวงเงิน 30 ล้านบาท โบรกเกอร์จะต้องเข้ามาตรวจสอบข้อมูลก่อนว่าลูกค้ารายนี้ มีการเปิดบัญชีกี่แห่งและที่ไหนบ้าง ได้รับวงเงินซื้อขายเท่าไร ทำให้มีข้อมูลในการประเมินความเสี่ยง ว่าควรจะอนุมัติเพิ่มหรือไม่ หากทราบว่าได้รับวงเงินลงทุนรวมสูงขนาดนี้แล้ว ทั้งนี้โบรกเกอร์ทุกแห่งจะต้องให้ข้อมูลภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 5-7 วัน

“แพลตฟอร์ม SDEP เกิดขึ้นมา เพราะคดี MORE  ไม่มีโบรกเกอร์ไหนรู้เลยว่า อภิมุข บำรุงวงศ์  หรือปิงปอง นำหลักทรัพย์ชิ้นเดียวกันไปเวียนเทียนขอเพิ่มวงเงินกับโบรกเกอร์ 14-15 แห่ง จนสามารถนำไปซื้อหุ้น MORE สร้างความเสียหายได้มากกว่า 4,000 ล้านบาท “แหล่งข่าวกล่าว