“จตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์” บิ๊ก TIGER มั่นใจรายได้-กำไร พุ่งติดจรวด หลังไตรมาส 4/61 คว้า 2 โปรเจคใหม่ รับเหมาก่อสร้างโรงแรม-คอมมูนิตี้มอลล์ มูลค่ากว่า 407 ล้านบาท ดัน Backlog พุ่งแตะ 790 ล้านบาท ส่งซิกจ่อซิวงานภาครัฐ-เอกชน เพิ่มอีกเพียบ หลังโดดเข้าร่วมประมูลหลายโปรเจค
นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง (TIGER) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ จำกัด (TEC ) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานรับเหมาก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของภาครัฐ และเอกชน ซึ่งล่าสุดในไตรมาส 4/61 ได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง 2 โครงการใหม่ ประกอบด้วย งานรับเหมาก่อสร้างเฉพาะโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม งานภายนอกอาคารโรงแรมวี วิลล่า อ่าวยนต์ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งยังไม่รวมงานระบบ โดยได้เริ่มงานทันทีในเดือน พ.ย. หลังเซ็น LOI คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 10-15% ของมูลค่าโครงการ ส่วนที่เหลือจะยกยอดไปรับรู้ปี 2562
ส่วนโครงการที่ 2 เป็นงานก่อสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ ไทรม้า จังหวัดนนทบุรี เฟส 2 มูลค่า 147 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในไตรมาส 4/61 ในสัดส่วนประมาณ 10% ของมูลค่าโครงการ ส่วนที่เหลือจะยกยอดไปเป็นปีหน้า
ทั้งนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 790 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 จำนวน 232 ล้านบาท ส่วนที่เหลือประมาณ 558 ล้านบาท รับรู้ในปี 2562
“ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีงานใหม่ที่เราเข้าประมูลทั้งในส่วนของภาครัฐ และภาคเอกชน ที่เตรียมประกาศเร็วๆนี้ ซึ่งเรามั่นใจว่า มีความเป็นได้สูงที่จะได้รับงานใหม่ เพราะถ้าเราไม่มั่นใจเราจะไม่ลงไปแข่ง ซึ่งจะทำให้ Backlog ของเราเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มรายได้และกำไรในปีหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด รักษาการเติบโตไม่น้อยกว่า 30% ตามแผนงานที่วางไว้”นายจตุรงค์ กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/61 มีรายได้รวม 207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท หรือ 17% และมีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท หรือประมาณ 60% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานรับเหมาโครงการใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121 ล้านบาท หรือ 28% และมีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท หรือ 36%