ระวัง! DELTA กำไรแค่ 4,629 ลบ.Q2/68 ขายโต เจอภาษีสหรัฐ-สำรองหนี้เพิ่ม-บาทแข็ง

HoonSmart.com>>”เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ฯ” (DELTA) กำไรร่วงตามคาด ไตรมาส 2/68 ทำได้เพียง 4,629 ล้านบาท ลดลง 29.5% YoY และ-15.7%QoQ สวนทางรายได้ขายดี 44,490 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายโผล่ ภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น  ตั้งสำรองหนี้บาน เงินบาทแข็งค่า  จับตาราคาหุ้น DELTA  วิ่งแรงแซงเป้าหมายนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ บล.เอเซียพลัสให้เป้าแค่ 87 บาท คาดไตรมาส 2 กำไร 4,500 ล้านบาท ไตรมาส 3 ฟื้น ทั้งปีโกย 2 หมื่นล้านบาท บอร์ดอนุมัติซื้อเครื่องจักรเปลี่ยนเป็นโรงงานอัจฉริยะ 

บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 2/2568 มีกำไรสุทธิเพียง 4,629 ล้านบาท หรือ 0.37 บาทต่อหุ้น ลดลง 29.5% จากที่มีกำไรสุทธิ 6,565 ล้านบาท หรือ 0.53 บาทต่อหุ้นในช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY)  และลดลง 15.7% จากที่มีกำไรสุทธิ 5,488 ล้านบาทในไตรมาสแรก (QoQ) รวมครึ่งปีแรกมีกำไรทั้งสิ้น 10,117ล้านบาท หรือ 0.81 บาทต่อหุ้น ลดลงจากกำไรสุทธิ 10,873 ล้านบาทหรือ 0.87 บาทต่อหุ้นในช่วงเดียวกันปีก่อน

ในไตรมาสที่ 2/2568 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้จากการขาย 44,490 ล้านบาท เติบโต 6.5% YoY และ 4.1% QoQ ขับเคลื่อนโดยกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่มีการขยายตัวสูง ทั้งเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์และโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ ภายใต้แนวโน้มการลงทุนที่เร่งตัวขึ้น เพื่อรองรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งต้องการโซลูชั่นกำลังไฟฟ้าและการระบายความร้อนทรงประสิทธิภาพในการประมวลผลสมรรถนะสูงสำหรับโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์เซอร์วิส รวมถึงโซลูชั่นเครือข่าย

ในปี 2568 ภาพรวมตลาดยังคงมีศักยภาพการเติบโตสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรมมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานพลังงานและการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตได้ในระดับปานกลาง ส่วนโซลูชั่นระบบพลังงานโทรคมนาคมฟื้นตัวอย่างจำกัด

ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์อีวีพาว์เวอร์มียอดขายปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน แต่ยังชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับฐานสูงในปีที่แล้ว  เนื่องจากสภาวะตลาดยานยนต์ไฟฟ้าโลกที่ผันผวนและอ่อนตัวโดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลกต่างเผชิญกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดจากปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ สงครามภาษีและการตอบโต้ทางการค้า ทำให้ประมาณการเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราลดลงทั่วทุกภูมิภาค

” บริษัทฯ ยังคงมีความพร้อมเชิงกลยุทธ์ในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้พร้อมตอบโจทย์ทิศทางความต้องการเชิงโครงสร้างในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ”บริษัทเดลต้าฯระบุ

สำหรับกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2568 ทำได้จำนวน 11,109 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย  1.0% YoY และเพิ่มขึ้น  1.7% QoQ สอดคล้องกับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจพาวเวอร์อิเล็คทรอนิกส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักต่าง ๆ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสที่แล้ว แต่หดตัวพอสมควรเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากในปีนี้ประกอบกับช่วงปีที่แล้วมีการกลับรายการตั้งสำรองสินค้าคงคลังในปริมาณมาก จึงส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้น ทั้งนี้บริษัทยังคงดำเนินกลยุทธ์การผลักดันยอดขายพร้อมจัดการควบคุมสินค้าคงคลังในระดับที่เหมาะสมตามสภาวะอุตสาหกรรม

ขณะเดียวกันบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (รวมการวิจัยและพัฒนา) จำนวน 6,011ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3% YoYเนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการขายในส่วนภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น เพราะตลาดสหรัฐเริ่มประกาศใช้นโยบายภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียมในไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้บริษัทเกิดค่าใช้จ่ายอากรเพื่อส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลงร่วมกันในการเรียกเก็บคืนจากลูกค้าตามเงื่อนไขที่กำหนด

นอกจากนี้บริษัทพบว่ามีลูกค้าในกลุ่มพัดลมและระบบระบายความร้อนสำหรับยานยนต์ เกิดอุปสรรคทางธุรกิจและอยู่ในกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้พร้อมฟื้นฟูกิจการ ส่งผลให้บริษัทฯ มีการต้้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญเพื่อสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าว ด้านค่าใช้จ่ายในการวิจัยพัฒนาปรับตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายขีดความสามารถด้านนวัตกรรมในภูมิภาค เพื่อรองรับลูกค้าระดับโลก

บริษัทฯยังมีรายได้อื่นๆเพิ่มเติม ร่วมกับการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ค่าใช้จ่ายในการยุติข้อพิพาทด้านสิทธิบัตร และภาษีส่วนเพิ่ม
ตามกฎ OECD ทำให้กำไรสุทธิลดลง

นักวิเคราะห์ 12 จาก 17 รายแนะนำให้ขายหุ้น DELTA  ส่วนใหญ่ให้ราคาเป้าหมายต่ำกว่า 100  บาท ได้ราคาเฉลี่ยเพียง 88.01 บาท
แต่ราคาวิ่งมาไกลมากเกือบ 150 บาท บล.เอเซียพลัส คาด DELTA กำไร 4,500 ล้านบาทไตรมาส 2/68 -32% YoY และ-19%QoQ แนวโน้มไตรมาสที่ 3 คาดโตขึ้นได้ทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากยอดขายได้ผลบวกจากฤดูกาล ที่โดยปกติจะเป็นช่วง High season ของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ภาษีตอบโต้จากสหรัฐได้เลื่อนการบังคับใช้จากต้นก.ค.เป็น 1 ส.ค. 2568

” คาดกำไรทั้งปี 2568 อยู่ที่ 20,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในงวดไตรมาสที่ 3 จะเป็นจุดสูงสุดของปี จึงยังคงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายปีนี้ไว้ตามเดิมที่ 87 บาท หากเรื่องภาษีสหรัฐออมาในเชิงบวก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง จะมีโอกาสปรับเพิ่ม PE ได้ จากปัจจุบ้นอยู่ที่ -1.0S.D ได้”บล.เอเซียพลัสระบุ

ทางด้านคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติให้ซื้อเครื่องจักรจากบุคคลเกี่ยวโยงในไตรมาสที่ 3 และ 4 ปี 2568  เช่นการซื้อเครื่องจักรใหม่มูลค่า 1,139.73 ล้านบาท  เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การผลิตของบริษัทในการเปลี่ยนสู่โรงงานอัจฉริยะ Delta Smart Manufacturing ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น

ส่วนการซื้อเครื่องจักรเก่ามูลค่า 25.45 ล้านบาท เป็นการรับโอนเครื่องจักรมาผลิตในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ให้ย้ายการผลิตจากประเทศจีนมายังประเทศไทยของกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์(CP)กลุ่มผลิตภัณฑ์กำลังไฟฟ้าสำหรับ e-mobility (EMP) และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มียอดคำสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น

ขณะเดียวกันมีการขายเครื่องจักร  มูลค่าประมาณ 42,337 บาท (1,295 ดอลลาร์สหรัฐ) และประมาณ 30.05 ล้านบาท (0.919 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน

ด้านหุ้น DELTA เป็นพระเอกสำหรับตลาดหุ้นไทย ได้รับความนิยมสูงมากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคากระโดดขึ้นจาก 108.50 บาท มาปิดที่ระดับ 142.50 บาท วันที่ 25 ก.ค. 2568  ราคาเพิ่มขึ้น 34 บาทคิดเป็นประมาณ 31% ผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยสดใส ดัชนีทะยานขึ้นเหนือ 1,200 จุด ปิดที่ระดับ 1,217.15 จุด

สาเหตุหนึ่งเกิดจากการเก็งกำไรหุ้น DELTA เรื่องผลการดำเนินงานจะเติบโตดีเช่นเดียวกับหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามเมื่อกำไรไตรมาสที่ 2 ออกมาลดลง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในหลายรายการ จะส่งผลต่อราคาหุ้น DELTA  และสภาพตลาดหุ้นโดยรวม เพราะ DELTA เป็นหุ้นมีน้ำหนักในการคำนวณดัชนี SET สูงมาก และราคาปรับตัวขึ้นแรงและเร็วเกินไป เมื่อข่าวจบก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันการลงทุน