คปภ.เร่งคลี่คลายร้องเรียนประกันสุขภาพ แนะทบทวนใหม่-ยึดหลักผลประโยชน์ร่วม

HoonSmart.com>>คปภ.เร่งคลี่คลายเรื่องร้องเรียนประกันขึ้นเบี้ยประกันสุขภาพ ให้บริษัทฯทบทวนการตัดสินใจ ยึดความสมเหตุสมผล-โปร่งใส ไม่เหมารวมทุกกลุ่ม พร้อมเสนอแผนแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 30 ก.ค.นี้ ย้ำจุดยืนความเป็นธรรมต้องเกิดกับทุกฝ่าย เพื่อรักษาสมดุลและเสถียรภาพของระบบประกันภัยไทย

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข้อร้องเรียนจากประชาชนผ่านช่องทางต่าง ๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกันภัยของแบบประกันสุขภาพ และผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของผู้เอาประกันภัย คปภ. ได้ติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และได้มอบหมายให้ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ และ รองเลขาธิการ ด้านกำกับธุรกิจประกันภัย ดูแลเพื่อหาทางออกร่วมกัน

ได้เน้นย้ำให้บริษัทฯ ดำเนินการอย่างรวดเร็วและรอบคอบ โดยมิให้ผู้เอาประกันภัยได้รับผลกระทบจากกระบวนการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้

ทั้งนี้ ในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ คปภ.จะยึดหลักความเป็นกลาง รอบคอบ และเคร่งครัด โดยยึดประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัยเป็นหลักสูงสุด หากตรวจพบว่าบริษัทประกันภัยรายใดดำเนินการไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเด็ดขาด เพื่อให้ระบบประกันภัย ของประเทศยังคงมีเสถียรภาพ โปร่งใส และเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนในระยะยาว

30 ก.ค.รู้คำตอบประกัน

นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการ ด้านกำกับธุรกิจประกันภัย คปภ. หนึ่งในผู้ดูแลเรื่องดังกล่าว กล่าวว่า คปภ.ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวตั้งแต่เดือนมิถุนายน และมีการติดตามแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่องเป็นรายๆ ยึดหลักผลประโยชน์ร่วม โดยที่สิทธิด้านประกันของประชาชนต้องไม่ถูกริดรอน และเป็นธรรมกับบริษัทประกัน

“เราไม่ได้ห้ามบริษัทประกันขึ้นเบี้ย เพราะเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ หากค่าใช้จ่ายสูงกว่าเบี้ย ก็ต้องควบคุมต้นทุน แต่การขึ้นเบี้ยต้องสมเหตุสมผล ไม่ใช่เอาเคสของลูกค้าเพียงบางกลุ่ม มาขึ้นเบี้ยลูกค้าทั้งหมด ที่ผ่านมาเราช่วยแก้ปัญหาไปได้ด้วยดี เป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่าย และยังคงแก้ปัญหาในระดับบุคคลตามแนวทางดังกล่าว พอมีการร้องเรียนไปยังโซเชียลมีเดีย จึงยกระดับในการแก้ปัญหาเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง “นายอาภากร กล่าว

นายอาภากร กล่าวว่า ทางบริษัทฯที่ถูกร้องเรียน ชี้แจงว่า บริษัทฯมีลอสเรโชว์ หรือ อัตราการเคลมสินไหมทดแทนประกันสุขภาพสูงมาตั้งแต่ปี 2563 จากอัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นอย่างมาก จึงต้องควบคุมค่าใช้จ่าย ซึ่งทางคปภ.ในฐานะที่เป็นหน่วยงานกำกับและสายคุ้มครองสิทธิ์มีประสบการณ์แก้ปัญหามายาวนาน ทำให้เห็นว่าการควบคุมค่าใช้จ่ายมีหลายแนวทาง ไม่ได้มีเพียงการขึ้นเบี้ยอย่างเดียว

ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ รับปากที่จะหยุดดำเนินการขึ้นเบี้ยประกันสุขภาพในกรณีดังกล่าวออกไปก่อน และจะจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยคปภ.ให้แจ้งผลภายในวันที่ 30 ก.ค. 2568

คปภ.ถูกมองว่าอยู่ข้างประกัน?

นายอดิศรพิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ คปภ. หนึ่งในรองเลขาที่รับผิดชอบเรื่องนี้ กล่าวว่า คปภ.ไม่ได้อยู่ฝั่งไหนเลย คปภ.มีหน้าที่ในการทำให้ทุกอย่าง อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง เหมาะสม และทุกคนต้องรับได้

ภาวะการณ์ของโลกเปลี่ยนไปมาก หลายอย่างไม่ได้อยู่ในความคาดหมาย ผู้เอาประกันและผู้รับประกัน อาจมีปฏิกิริยาที่ทะเลาะกันไปโดยที่ไม่ได้ประมวลผลที่ดี ทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน

“สิ่งที่ คปภ.พูด ประชาชน ต้องรับได้ว่าเราไม่เคยปกป้องคนที่ไม่ควรได้เคลม และเราจะต้องให้บริษัทจ่ายในกรณีที่เขามีหน้าที่ต้องจ่ายหรือ ถ้าเขาทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม เรามีหน้าที่ในการเข้าไปตรวจสอบแล้วบอกเขาว่า ทำอะไรเกินไปไหม การปรับขึ้นเบี้ย ได้ทำการประเมินผลดีหรือยังเช่นมีลูกค้าหลักพัน หรือหลักหมื่น ที่รู้สึกว่ามีพฤติกรรม ผิดปกติ ต้องจำแนกลงไปลึกกว่านั้น ไม่ใช่ว่าปฏิบัติเท่ากันหมดไม่เหมาะสม”นายอดิศร กล่าว

นายอดิศร กล่าวว่า ในฐานะเป็นนักกฎหมายและดูแลสิทธิประโยชน์ ได้ให้บริษัทประกันต้องแบ่งกลุ่มลูกค้า และต้องให้เหตุผลประกอบว่าแต่ละกลุ่มจะขึ้นเบี้ยเท่าไหร่ เพราะอะไร เพื่อความเป็นธรรม ต้องอธิบายให้สังคมได้ ซึ่งปฏิกิริยาสัมพันธ์ที่ได้กลับมาจากบริษัทประกันก็เป็นเชิงบวก และจะกลับไปทบทวนใหม่

เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าและภาพลักษณ์ของบริษัทฯเท่านั้น แต่นี่เป็นเรื่องของภาพลักษณ์ของธุรกิจ เป็นความมั่นใจของประชาชนต่อประกันสุขภาพ คปภ.จะเน้นมาตรการให้ออกมามาสมเหตุสมผลที่สุด

“ผมดูบทบบาทเรื่องฉ้อฉลประกันภัยด้วย เรายอมไม่ได้ที่จะให้ใครสักคนเข้ามาฉกฉวยโอกาส เอาเบี้ยประกันของคนอื่นไปใช้แล้วทิ้งภาระเบี้ยไว้ให้คนอื่นจ่าย นี่คือการรักษาสมดุลของระบบถ้าระบบอยู่ไม่ได้ การประกันจะหายไปหรือถ้าระบบอยู่ไม่ได้เบี้ยมันขึ้นไปเรื่อยๆ ประชาชนก็รับไม่ได้”นายอดิศร กล่าว

รายงานโดย วารุณี อินวันนา