หุ้นขาขึ้น ! ปิดมหากาพย์”จำนำหุ้น” TFG ตั้งเป้าลดวางมาร์จิ้นทุกเดือน

HoonSmart.com>> หุ้นพุ่งแรง ! ปิดมหากาพย์”จำนำหุ้น”จนถูกฟอร์ซเซล ครึ่งแรกปี 68 หุ้น TOP 5 ที่ถูกวางเป็นหลักประกันมาร์จิ้นสูง ยังคงเป็น ACE, TFG, SUPER, BLAND, XPG  บิ๊ก”ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป” (TFG) โชว์พัฒนาการลดลงต่อเนื่อง ม.ค.มีสัดส่วน  44.05% ล่าสุดมิ.ย. เหลือ 21.24% ผู้ถือหุ้นใหญ่ตั้งเป้าลดเหลือศูนย์ ลดเสี่ยงถูกฟอร์ซเซล แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 และครึ่งปีหลังโต  ด้านนักวิเคราะห์ฯเผยช่วงนี้หุ้นขึ้น ปัญหาถูกบังคับขายหมดไป แต่หากเกิดขึ้นอีกจะไม่รุนแรงเหมือนก่อน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศข้อมูลล่าสุดเดือนมิ.ย.2568 มูลค่าซื้อขายบัญชีมาร์จิ้นอยู่ที่ 59,844 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพ.ค.ที่มีมูลค่า 65,788 ล้านบาท เนื่องจากตลาดหุ้นเดือนมิ.ย.ปรับตัวลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้เกิดหุ้นหลายตัวที่ถูกวางค้ำประกันในบัญชีมาร์จิ้นถูกบังคับขาย (ฟอร์ซเซล)

ทั้งนี้ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เป็นหนึ่งในหุ้น Top 5 ที่ถูกนำมาวางค้ำประกันฯ โดยเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ถูกนำมาวางค้ำประกันฯในสัดส่วน 44.05% ของหุ้นทั้งหมด และลดลงมาเรื่อย ๆ จนล่าสุดเดือนมิ.ย.เหลือแค่ 21.24% ขณะที่หุ้นตัวอื่นใน Top 5 สัดส่วนขึ้น-ลงในแต่ละเดือนไม่แตกต่างกัน

วางเป้าลดสัดส่วนจำนำหุ้น TFG ลงเรื่อย ๆ

นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า แนวทางของผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องการจะลดสัดส่วนการวางหลักประกันหุ้นลงไปเรื่อย ๆ เพื่อลดความเสี่ยงเกี่ยวกับการถูกบังคับขาย ในอนาคตจะนำหุ้นออกมาให้หมด

สำหรับผลงานไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาสแรก ทั้งรายได้ และกำไร เนื่องจากราคาหมูอยู่ในระดับสูง ขณะที่ต้นทุนลดลง  ณ สิ้นไตรมาส 2 สาขาร้านค้าปลีกมีอยู่ 480-490 สาขา แนวโน้มครึ่งหลังปี 2568 ก็ยังจะขยายสาขาต่อไปให้ได้ตามเป้าหมายสิ้นปี 2568 ถึง 600 สาขา

“ราคาหมูในไทยในช่วงไตรมาส 3 ย่อตัวลงบ้าง ตามฤดูกาล แต่ก็ได้ผลบวกจากส่งออกไก่สูงขึ้น ดังนั้นครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีผลงานดีกว่าครึ่งปีแรก จากราคาวัตถุดิบลด ทั้งถั่วเหลือง และข้าวโพด มูลค่าเพิ่มจากร้านค้าปลีกด้วย รวมทั้งปี 2568 จึงคาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าปี 2567”

นายเพชร กล่าวว่า กัมพูชาไม่ใช่เป้าหมายในการส่งสินค้าไปขาย ไม่จัดเป็นตลาดหลัก ผลกระทบจึงมีน้อยมาก ๆ เพราะมีสัดส่วนการส่งออกไปขายกัมพูชาแค่ราว 1% ขณะที่ตลาดหลักจะส่งออกไปยังญี่ปุ่น, ยุโรป และจีน ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหาเรื่องภาษี

นอกจากนี้ ปีนี้อาจได้ Record ใหม่ในการส่งออกไก่ ซึ่งปี 2568 มีลุ้นส่งออกไก่ทะลุ 75,000 ตัน จากปัญหาไข้หวัดนก ทำให้ผู้ค้าย้ายจากบราซิลมาไทยมากขึ้น และ TFG ก็มีสินค้าที่มีคุณภาพสามารถรองรับคำสั่งซื้อได้

“หมูของบริษัทจะไม่เน้นส่งออก เน้นบริโภคภายในประเทศ ส่วนเวียดนาม ราคาหมูยังสูงอยู่ ซึ่ง TFG ได้เพิ่มกำลังผลิต ส่วนราคาไก่ยืนได้แข็งแกร่งต่อเนื่องได้ถึงปลายปี ซึ่งไตรมาส 2-3 ส่งออกน่าจะดี โดยบริษัทจะส่งออกไก่แช่แข็ง ส่วนในประเทศก็ขายชิ้นส่วนไก่ ราคาไก่เป็นตอนนี้อยู่แถว 40-41 บาท/กก. ขณะที่หมูราคาอยู่ 70 ปลาย ๆ ถึง 80 บาท/กก. จากเดิมที่ราคาสูงสุด 85 บาท/กก.”

ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ TFG กล่าวว่า ครึ่งปีหลังบริษัทอาจจะมีการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ แต่จำนวนไม่มาก เพราะพึ่งออกไป แม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะเป็นขาลง แต่บริษัทฯยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน และมีเงินสดอยู่มาก

สำหรับเรื่องภาษี”ทรัมป์” ไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัทเท่าไร เพราะบริษัทฯส่งออกไปสหรัฐฯน้อยมาก ๆ แต่ลุ้นอยู่ไทยจะเจรจากับสหรัฐฯได้แค่ ไหนติดตามอยู่ ซึ่งหากไทยเปิดให้สหรัฐฯส่งสินค้าเกษตรเข้ามาได้มากขึ้น โดยเฉพาะวัตถุดิบที่เป็นอาหารสัตว์เลี้ยง ก็จะเป็นบวกต่อบริษัทฯ และไม่คิดว่าจะมีการเปิดให้นำเข้าไก่-หมูเข้ามาในไทย เพราะไทยมีหมูที่เพียงพอแก่การบริโภคแล้ว

หุ้นขึ้น หลักประกันเพิ่ม ปัญหาฟอร์ซเซลหมดไป

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยกลับมาเป็นขาขึ้น ราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้น  ทำให้หลักทรัพย์ที่วางค้ำประกันมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีการบังคับขายออกมา

“ตลาดหุ้นก่อนหน้านี้ไม่ดี ทำให้หุ้นหลายตัวถูกบังคับขาย ถือว่าเป็นการล้างสถานะไปเรียบร้อยแล้ว หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีกก็คงจะไม่รุนแรงเท่าเดิม”

สาเหตุที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นในช่วงนี้ มาจากความคาดหวังเชิงบวกในการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ไทย ที่ไทยอาจจะได้รับอัตราภาษีส่งออกสินค้าในระดับที่ใกล้เคียงกับเพื่อนบ้าน ท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ขณะที่หุ้นต่างประเทศทำ New high กัน ตลาดหุ้นไทยที่ยัง Laggard มาก ๆ จีงกลับมาเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน

กลยุทธ์แนะให้หาจังหวะตั้งรับมากกว่าที่จะเข้าไปไล่ซื้อหุ้น และเลือกหุ้นที่ราคายังไม่ขึ้นไปมาก เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงสัปดาห์เดียวดัชนี SET ขึ้นไปเกือบ 80 จุด ควรรอให้พักตัวก่อน ซึ่งถ้าดัชนีฯไม่หลุด 1,180 จุด ยังมีลุ้นซิกแซกไปต่อ ด่านถัดไป 1,230 จุด