HoonSmart.com.>หุ้น AOT เทรด 6 วัน พุ่ง 31.40% บล.กรุงศรีเตือนระวังเก็งกำไรหลังราคาขึ้นเทียบ 39 บาท ตอบรับความคาดหวังขึ้นค่า PSC ที่ 100 บาท/หัว และกรณี King Power สัมปทานราคาขั้นต่ำต้องไม่ต่ำกว่า 13,525 ล้านบาท ทั้ง 2 ประเด็นยังไม่แน่นอน
เมื่อเวลา 14.09 น.หุ้น AOT พุ่ง 9.66% มาที่ 39.75 บาท เพิมขึ้น 3.50 จุด มูลค่าซื้อขาย 4,406.71 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 36.75 บาท ขึ้นสูงสุด 40 บาท และต่ำสุด 36.25 บาท
เมื่อวันที่ 16 ก.ค.หุ้น AOT ปิดที่ 36.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท +1.40%
เมื่อวันที่ 15 ก.ค.หุ้น AOT ปิดที่ 35.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท +6.72%
เมื่อวันที่ 14 ก.ค.หุ้น AOT ปิดที่ 33.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท +5.51%
เมื่อวันที่ 11 ก.ค.หุ้น AOT ปิดที่ 31.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท +4.10%
เมื่อวันที่ 9 ก.ค.หุ้น AOT ปิดที่ 30.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท +0.83%
บล.กรุงศรี ระบุว่า ควรระมัดระวังในการเก็งกำไร AOT หลังจากนี้ เนื่องจากเมื่อเทียบราคาหุ้น AOT ปัจจุบันที่ 39 บาท เท่ากับตลาดกำลังคาดหวังว่า AOT จะต้องขึ้นค่า PSC ที่ 100 บาท/หัว และกรณี King Power ราคาขั้นต่ำจะต้องไม่ต่ำกว่า 13,525 ล้านบาท โดยทั้ง 2 ประเด็นนั้นยังมีความไม่แน่นอน
ทั้งนี้ คาดกรณีการขึ้นค่า PSC จะเกิดขึ้นแน่ ๆ ที่ 5 บาท/หัวเท่านั้น ส่วนที่จะเพิ่มมากกว่านี้คงยังไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ (จากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในปัจจุบัน) ส่วนกรณี King Power น่าจะมีความชัดเจนว่าสัมปทานขั้นต่ำจะอยู่ที่เท่าไรภายในเดือน ก.ย.-ต.ค.2568 โดยราคาขั้นต่ำที่ประเมินที่ 12,000 ล้านบาท/ปี นั้นอิงจากราคาที่ผู้ประกอบการทุกรายน่าจะสามารถดำเนินธุรกิจได้โดยไม่ขาดทุน
ทั้งนี้ AOT ราคาหุ้นฟื้น +30% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากความคาดหวัง Upside จากการขึ้นค่า PSC (ค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร) และการเจรจาสัญญา King Power อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คาด อย่างไรก็ดี ทั้งประเด็นการขึ้นค่า PSC และกรณี King Power ยังเป็นประเด็นที่มีความไม่แน่นอน
กรณีการขึ้นค่า PSC เบื้องต้นความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ (เนื่องจาก สนง. การบินพลเรือนเห็นด้วยแล้ว) คือ AOT จะปรับค่า PSC ขึ้นที่ 5 บาท/หัว เท่านั้น (Dom จาก 130 เป็น 135 /Inter จาก 730 เป็น 735) จะเป็น Upside ต่อกำไร AOT เพียง 1% เเละราคาเป้าหมายจะมี Upside 0.25 บาท ทั้งนี้ ประเมิน Sensitivities ทุก 50 บาทที่ปรับขึ้น จะเป็น Upside ต่อกำไร AOT ที่ 10-11% และเป็น Upside ต่อราคาเป้าหมาย 3.25 บาท
ส่วนการเจรจากับ King Power มีการเปิดเผยจากรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ว่า ราคาสัมปทานขั้นต่ำจะไม่ต่ำกว่าราคาที่ผู้ประมูลรายที่สองที่ประมูลในปี 2562 เสนอ ซึ่งเท่ากับว่าราคาขั้นต่ำจะมี Upside จากที่ประเมินกรณีเลวร้าย (Worst case) ที่ 12,000 ล้านบาทต่อปี เป็น 13,525 ล้านบาทต่อปี จะเป็น Upside ต่อกำไร AOT ราว 5-6% เเละเป็น Upside ต่อราคาเป้าหมายที่ 1.75 บาท
นอกจากนี้ ยังมี Upside จากโครงการประมูลผู้ประกอบการภาคพื้นรายที่ 3 และคลังสินค้ารายที่ 3 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการรวม 6-7 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลภายในเดือน ก.ค. 2568 นี้ ซึ่งกรณีนี้ยังไม่สามารถประเมิน Upside ได้เนื่องจากข้อมูลไม่เพียงพอ แต่เบื้องต้นเชื่อว่าจะมี Upside ต่อกำไรในระยะสั้นของ AOT ไม่มาก
