เมย์แบงก์ฯยกหุ้นค้าปลีก BJC-CPALLเด่น

เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มองหุ้นเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น ปัจจัยบวกรออยู่ข้างหน้า วันนี้แนะนำหุ้นค้าปลีก

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) แนะลงทุนกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ BJC และ CPALL จากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท.รายงานตัวเลขการบริโภคเดือนต.ค.เติบโตเด่นกว่า 6.5% จากระดับ 2.5% ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นในสินค้าทุกประเภท สะท้อนภาพรวมการบริโภคใน ทุกๆ สินค้าและกลุ่มคน โดยในเดือนธ.ค.ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการบริโภคและมองว่าเป็นกลุ่มที่น่าลงทุนจาก การเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐขึ้น 2 เท่าเป็น 8.6 หมื่นล้านบาท และจำนวนคนเป็น 14.5 ล้านคน โดยจะสามารถกดเงินสดผ่านบัตรในเดือนนี้ได้สูงกว่าคนละ 500 บาท

นอกจากนี้ จากสถิติก่อนการเลือกตั้ง 3-6 เดือน กลุ่มค้าปลีกมักปรับตัวดีกว่าตลาด และเข้าสู่ช่วง High season ของการบริโภคและคาดได้ประโยชน์จากการปลดล็อคกิจกรรมพรรคการเมือง

ภาพรวมตลาดหุ้นเดือนธ.ค.จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่าดัชนีมักปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1.80% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. ในขณะที่จับตาการประชุม โอเปก คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) และในวันที่ 11 ธ.ค.พ.ร.ป.การเลือกตั้งส.ส. จะครบกำหนด 90 วัน จับตาคสช.ปลดล็อดกิจกรรมพรรคการเมือง คาดส่งผลให้บรรดานักการเมืองกลับมาหาเสียงได้อีกครั้งในรอบ 5 ปี ประเมินกรอบการแกว่งตัวที่ 1,630-1,720 จุด

“เดือนธ.ค.แนะทยอยสะสมกลุ่ม Defensive Plays เช่น EGCO, BEM / ทยอยสะสม BJC, CPALL, VGI แนะซื้อ GOLD ราคาเหมาะสม 13.60 บาท คาดเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาที่ได้รับผลกระทบจาก LTV จำกัด (เป็นสัดส่วน บ้านทั้งหมด) โดยบริษัทตั้งเป้าเปิด 25 โครงการใหม่มูลค่ากว่า 2.8 หมื่นล้านบาท และคาดกำไรปี 2562 เติบโต 19% ที่ 2,500 ล้านบาท “บล.เมย์แบงก์ ระบุ

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเด่นตามภูมิภาค โดยกลุ่มพลังงาน กลุ่มค้าปลีก และกลุ่ม Commodity ดัชนีปิดที่ 1,672.6 จุดบวก 30.8 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6 หมื่นล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติซื้อเป็นวันที่ 2 ที่ 2,676 ล้านบาท และพลิกลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิ 10,598 สัญญา ส่วนนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิสูงกว่า 9,493 ล้านบาท