ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 4% แรงหนุนสหรัฐฯและจีนยุติสงครามการค้าชั่วคราว “แคนาดา” ลดการผลิตแก้ปัญหาระบายน้ำมันดิบในสต๊อกไม่ทัน WTI ปิด 52.95 เหรียญสหรัฐฯ ด้านเบรนท์ 61.69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จับตา 6 ธ.ค.ประชุมโอเปก
บริษัท ไทยออยล์ รายงานราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดวันที่ 3 ธ.ค.2561 ปิดเพิ่มขึ้น 2.02 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือ 3.97% ปิดที่ 52.95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 2.23 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือ 3.75% ปิดที่ 61.69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจีนและสหรัฐฯ ทำการตกลงในการประชุมผู้นำด้านเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศสำคัญ (G20) เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะไม่เพิ่มภาษีสินค้านำเข้าเป็นเวลาอย่างน้อย 90 วัน
นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุน หลังแคนาดาประกาศจะให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบลดกำลังการผลิตลงร้อยละ 8.7 หรือเท่ากับ 325,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อแก้ปัญหาท่อขนส่งน้ำมันดิบไม่เพียงพอส่งผลให้น้ำมันดิบคงคลังในประเทศอยู่ในระดับสูง
ด้านกำลังการผลิตของรัสเซียในเดือน พ.ย. 2561ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 11.37ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังแตะระดับ 11.41 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย ขณะที่กาตาร์ประกาศถอนตัวออกจากกลุ่มโอเปก มีผลตั้งแต่เดือน ม.ค. 62โดยกาตาร์เป็นผู้ส่งออกแก๊สธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลกและมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบราว 600,000บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม อิหร่านมีความเห็นว่า การถอนตัวของกาตาร์ออกจากกลุ่มโอเปกครั้งนี้ เป็นเพียงการแสดงความไม่พอใจของผู้ผลิตรายย่อยต่อผู้ผลิตรายใหญ่อย่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย และการลดกำลังการผลิตควรมาจากประเทศที่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ
บริษัทไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 58-63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนาคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 49-54เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาการประชุมระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 6 ธ.ค. 2561 จะมีการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ โดยตลาดคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ผลิตมีแนวโน้มปรับลดกำลังการผลิตลง 1.0 -1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันเทียบกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ต.ค.2561