HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มดัชนีเคลือนไหวในกรอบแนวรับ 1,105 – 1,110 จุด แนวต้าน 1,120 – 1,130 จุด รอเจรจาลดภาษีศุลกากรลดลงใกล้กับประเทศคู่แข่งในอาเซียน แนะนำทยอยซื้อกลุ่ม Big Cap ปัจจัยพื้นฐานดี-เงินปันผลสูง “ADVANC,CPALL,CPAXT,KTB” กลุ่มปลอดภัย “GULF,BCPG,CKP” เก็งกำไร “BTS, BEM” รับโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย หุ้นเด่นวันนี้ AAV, KCG
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET เคลือนไหวในกรอบแนวรับ 1,105 – 1,110 จด แนวต้าน 1,120 – 1,130 จุด ระหว่างรอการเจรจาลดภาษีศุลกากรจากระดับ 36% ให้ลดลงมาใกล้กับประเทศคู่แข่งในอาเซียน แนะนำทยอยซื้อกลุ่ม Big Cap.มีปัจจัยพื้นฐานดีและเงินปันผลสูง เช่น ADVANC,CPALL,CPAXT,KTB กลุ่มปลอดภัย เช่น GULF,BCPG,CKP เก็งกำไร BTS, BEM ได้ประโยชน์จากโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
สำหรับกลุ่มที่คาดจะได้รับผลกระทบด้านลบ หากไทยถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่ 36% ซึ่งสูงกว่าประเทศคู่แข่งในอาเซียน ซึงเบื้องต้นทางสภา ฯ อุตสาหกรรมคาดอาจมีผลเสียหายทางการค้าราว 8 – 9 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคาดหวังเชิงบวก ต่อทีมเจรจาของไทยว่าจะสามารถลดอัตราภาษีดังกล่าวลงมาในระดับที่แข่งขันได้ก่อนเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค. ส่วนผลการประชุม ครม.วานนี้ได้ถอนวาระ Entertainment Complex ออกไป ส่งผลให้แรงกดดันจากปัจจัยการเมืองลดลง และ ครม.ได้อนุมัติโครงการถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายที่จะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค. โดยเปิดรับลงทะเบียนใน ส.ค. นี้ ซึ่งส่งผลบวกต่อหุ้น BTS – BEM จากปริมาณผู้โดยสารที่จะสูงขึ้น
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปิดวานนี้ Down Jones -0.37%, S&P500 -0.07%, Nasdaq +0.03% จากแรงขายกลุ่มสินค้าอุปโภค -1.09%, สาธารณูปโภค -1.07% ส่วนกลุ่มพลังงาน +2.72%, วัสดุ +0.53% หลัง ปธน.ทรัมป์เผยจะไม่ขยายเส้นตายการเจรจาการค้าในวันที่ 1 ส.ค.
ขณะที่ประเทศคู่ค้าหลัก ๆ เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สหภาพยุโรป ยังไม่บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ โดยระหว่างนี้สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีรายอุตสาหกรรม เช่น การนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% และยาในอัตรา 200% ซึ่งหากไม่ต้องการจะเสียภาษีก็ต้องย้ายฐานการผลิตมาในสหรัฐ ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม Fed Minutes มิ.ย. เพื่อประเมินมุมมองการลดดอกเบี้ยของเฟด
ด้านตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.41% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1.1%, บริการสุขภาพ +0.8% รอผลการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐ
หุ้น AAV (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 1.65 บาท) แม้แนวโน้ม 2Q68 ผลการดำเนินงานปกติจะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจาก Low season การท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามจะยังดีขึ้น YoY ที่เป็นฐานต่ำ โดยจำนวนผู้โดยสารในประเทศยังแข็งแกร่งและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงที่ต่ำกว่าปีก่อน ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าเทียบกับสิ้นไตรมาสก่อน ทำให้มีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ราว 400-500 ล้านบาท ขณะที่มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐช่วยลดผลกระทบช่วง Low season และคาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมีโอกาสกลับมามีลุ้นฟื้นตัว MoM ได้ในเดือน ก.ค.
หุ้น KCG* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 11.17 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 122 ลบ.(+71%YoY, -25%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ YoY โตได้
หนุนจากสินค้ากลุ่ม Food and Bakery Ingredient ด้าน KCG* เอง วางเป้ารายได้ปี68นี้ +High Single Digit%YoY ปัจจัยขับเคลื่อนหลักจะมาจากสินค้าใหม่ๆ การหาตัวแทนกระจายสินค้าเพิ่มเติม และการให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่ายคาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park
ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 458 ล้านบาท (+13%YoY) และ 517 ล้านบาท (+13%YoY)
———————————————————————————————————————————————————–

