HoonSmart.com>> “พูลพิพัฒน์” ธุรกิจคลังสินค้าชั้นนำ ในกลุ่มพูลผล ผนึก ONNEX SOLAR by SCG ติดตั้ง Solar Rooftop คลังสินค้าของบริษัทฯ ปรับตัวสู่การใช้พลังงานสะอาด ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

น.ส.อาทิตยา พงษ์สิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท พูลพิพัฒน์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ฯ ได้ร่วมมือกับ ONNEX SOLAR by SCG ติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ค่าไฟฟ้าลดลง 40% ช่วงเวลากลางวัน และลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ได้อย่างเป็นรูปธรรม มากกว่า 450 ตัน CO2 ต่อปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถใช้พื้นที่หลังคาของคลังสินค้า สร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยไม่กระทบกระบวนการผลิต หรือผู้เช่าอาคารที่ใช้บริการอยู่ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ
จากข้อมูลของ SCG international ระบุว่า Solar Rooftop ช่วยลดค่าไฟได้สูงถึง 30–50% ต่อเดือนในช่วงเวลากลางวัน และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ได้มากกว่า 500 ตันต่อปีสำหรับโรงงานขนาดกลาง ขณะที่ผลสำรวจของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า 54.9% ต้นทุนพลังงานไฟฟ้า มีสัดส่วนคิดเป็น 15–30% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด
“ปัจจุบันแนวคิด Green Warehouse ไม่ใช่แค่การติดตั้งระบบ Solar Rooftop แต่คือการปรับโครงสร้างธุรกิจให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสีย และส่งเสริมเศรษฐกิจที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (Circular Economy) ที่สำคัญความยั่งยืนไม่ควรเป็นเพียงแผนงานระยะยาว แต่ต้องเริ่มต้นลงมือทำในวันนี้ และสิ่งที่เริ่มได้ง่ายและเห็นผลเร็วที่สุดคือการใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์” ผอ. ฯ กล่าว
สำหรับแผนในอนาคต บริษัทฯ มีแผนลงทุนในพลังงานสะอาดต่อเนื่อง มองว่า Solar Rooftop ไม่ใช่เทรนด์ชั่วคราว แต่คืออนาคตของธุรกิจ โดยเฉพาะ ESG (Environmental, Social and Governance) ที่ทั่วโลกใช้พิจารณาคัดเลือก Supplier และ Landlord แล้ว ดังนั้นการลงทุนในพลังงานสะอาดวันนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของต้นทุน แต่คือการวางรากฐานความน่าเชื่อถือในระยะยาว

“วันนี้บริษัทฯ เชื่อว่าการใช้พลังงานสะอาดไม่ใช่เรื่องไกลตัว การมีพันธมิตรที่มีความรู้อย่าง ONNEX SOLAR by SCG ช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” น.ส.อาทิตยา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท พูลพิพัฒน์ ดำเนินธุรกิจคลังสินค้ามากกว่า 60 ปี ปัจจุบัน มีคลังสินค้าพร้อมให้บริการจำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย 1. คลังสินค้าสำโรง ถ.ปู่เจ้าสมิงพราย จ.สมุทรปราการ 2. คลังสินค้าพระราม 6 กรุงเทพฯ 3. คลังสินค้าบางไทร ถ.บางปะอิน-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา และ 4. คลังสินค้า B38 ถ.บางนา-ตราด กม.38 จ.ฉะเชิงเทรา และ 5.คลังสินค้าแหลมฉบัง 1 ถ.สาย 3009 จ.ชลบุรี
นอกจากนี้ ยังมีคลังสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 2 แห่ง ได้แก่ 1. คลังสินค้าแหลมฉบัง 2 ถ.หนองคล้าใหม่ จ.ชลบุรี และ 2. คลังสินค้า B29 ถ.บางนา-ตราด กม.29 จ.สมุทรปราการ โดยคลังสินค้าที่แหลมฉบัง ไม่ใช่คลังสินค้าทั่วไป แต่เป็น Mini Factory เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีศักยภาพในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้มากขึ้น ขณะที่คลังสินค้า B29 มุ่งพัฒนาคลังสินค้าที่เป็น Free Zone (เขตปลอดอากร) รองรับการขยายตัวของโลจิสติกส์

