ความจริงความคิด : กฎแห่งเงิน ตอน 2

โดย..สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP นักวางแผนการเงิน #คอลัมน์ความจริงความคิด

10. It’s a game, learn how it works การบริหารเงินก็เหมือนเกม เราต้องศึกษากฎ กติกา ธรรมชาติ กลยุทธ์ และการเล่นให้เก่ง อย่างเช่น ภาวะเศรษฐกิจ
ซบเซาควรลงทุนอะไร ดอกเบี้ยขาลงควรลงทุนอะไร ฯลฯ เพื่อเราจะได้วางเงินได้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกสัดส่วน จะชนะเกมการเงินได้ต้องมีความรู้ Warren Buffett ถึงกล่าวว่า “การลงทุนที่ดีที่สุด คือ การลงทุนกับตนเอง” คือ ลงทุนในความรู้ ประสบการณ์ จะได้ไม่เสีย “ค่าโง่”

11. Have a plan and set goals วางแผนและตั้งเป้าหมาย  จะได้รู้ทิศทางการใช้และเก็บเงิน เป้าหมายที่ดี ควรเป็นตามหลัก SMART ดังนี้
• Specific เฉพาะเจาะจง
• Measurable วัดได้
• Achievable สามารถทำได้
• Realistic & Relevant ความสมจริงและสอดคล้องกับเป้าหมายหลัก
• Time-bound กำหนดเวลา

12. Always have an emergency fund มีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินเสมอ เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด โดยเฉพาะเหตุการณ์ร้ายๆ อย่างเช่น ถูกเลิกจ้างกะทันหัน เจ็บป่วย เจออุบัติเหตุ ทรัพย์สินเสียหาย ฯลฯ เงินสำรองเผื่อฉุกเฉินควรมีประมาณ 3 – 6 เท่าของรายจ่ายในแต่ละเดือน และควรเก็บไว้ในสินทรัพย์สภาพคล่องที่สามารถถอนมาใช้ได้ง่าย เร็ว และมีความผันผวนของราคาต่ำ ตัวอย่างเช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ กองทุนตลาดเงิน เป็นต้น

13. Learn how to make money passively เรียนรู้การสร้างรายได้จากทรัพย์สิน เช่น ค่าเช่า เงินปันผล ดอกเบี้ย ฯลฯ หลายๆ เพื่อเราจะได้มีอิสรภาพทางการเงิน คือ สามารถมีเงินใช้ได้อย่างเพียงพอ โดยไม่ต้องทำงาน เพราะการหารายได้ด้วยแรงกาย แรงสมองอย่างเดียว มีความเสี่ยงสูง เพราะเราอาจเจ็บป่วย เจออุบัติเหตุ หรือ ต้องออกจากงานโดยไม่รู้ตัว ทำให้หารายได้ไม่ได้ แต่ค่าใช้จ่ายยังคงมีอยู่ตลอด และแม้ในเหตุการณ์ที่คาดเดาได้ อย่างเช่น ในช่วงเกษียณอายุที่เราจะอยู่อย่างไม่สามารถรายได้ หรือ มีแต่รายได้น้อยลงไปมาก แต่ค่าใช้จ่ายบางอย่างกลับสูงขึ้น อย่างเช่น ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ เราจึงจำเป็นต้องเตรียมรายได้จากทรัพย์สนิน (passive income) ไว้มากพอสำหรับความต้องการทางการเงินที่กล่าวมานี้

14. Spend less than you earn เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราเริ่มมีความเสี่ยงด้านการเงินแล้ว หลายคนจะรู้ตัวต่อเมื่อ ไม่มีเงินสำหรับใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น ไม่มีเงินเพียงพอสำหรับการจ่ายหนี้ จ่ายค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ กว่าจะรู้ตัวก็มักจะสายเกินแก้ แต่หากเรารู้ตัวก่อน ก็น่าจะดีกว่า เพราะสามารถป้องกัน แก้ไขได้แต่เนิ่นๆ เหมือนอย่างเป็นโรคมะเร็ง หากเรารู้ตัวล่วงหน้า รักษาแต่เนิ่นๆ โอกาสรักษาหายก็มีมาก โอกาสเสียชีวิตก็น้อย สัญญาณเตือน หรือ อาการเริ่มแรกของการมีความเสี่ยงทางการเงิน ก็คือ รายได้น้อยกว่ารายจ่าย ซึ่งเราจะรู้ตัวได้เร็วหากเรามีการทำบัญชีรายรับ รายจ่าย หากเริ่มมีบางเดือนรายรับน้อยกว่ารายจ่าย หรือ รายรับพอๆกับรายจ่าย แสดงว่าเราเริ่มมีความเสี่ยงทางการเงินแล้ว ต้องเริ่มกระบวนการรักษา ไม่เพิ่มรายได้ ก็ต้องลดรายจ่าย แต่ถ้าดีที่สุด คือป้องกันความเสี่ยงทางการเงินด้วยยการออมให้มาก ใช้จ่ายให้น้อยกว่ารายได้ และใช้ยอดเงินออม (รายได้ – รายจ่าย) เป็นตัวเลขในการกำกับดูแลความเสี่ยงทางการเงินของเรา หากรายได้ – รายจ่าย ยิ่งสูง แสดงว่าสุขภาพทางการเงินของเราแข็งแรงขึ้น แต่หากรายได้ – รายจ่าย น้อยลงไปเรื่อยๆ แสดงว่าสุขภาพทางการเงินของเราเริ่มมีปัญหา

15. Use it to solve problems in the worldเงินแก้ปัญหา" ได้ทุกอย่าง "ถ้าแก้ไม่ได้" แสดงว่า "ยังไม่มากพอ" ดิว วีรวัฒน์ วลัยเสถียร (นักธุรกิจและนักลงทุนชื่อดัง) ผมชอบประโยคนี้มาก มันจริง ยิ่งเฉพาะสังคมไทย ไม่มีปัญหาไหนที่เงินแก้ไม่ได้ (ถ้ามากพอ) ในชีวิตเรามีปัญหาเกิดขึ้นมากมายตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าเทอมลูก ค่าน้ำมันรถ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ฯลฯ เราสามารถใช้เงินช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ เพราะเงินเป็นเครื่องมือที่มีพลัง หากใช้ให้ถูกจุด แต่อย่าสร้างปัญหาให้มากจนเงินของเราไม่พอในการแก้ปัญหา อย่างเช่น อย่าก่อหนี้เกินกว่ารายได้ที่เราจะสามารถหามาชำระหนี้ได้ เป็นต้น

16. Don’t be a hater of it อย่าเกลียดเงิน ความคิดลบกับเงินทำให้ห่างไกลจากการมั่งคั่ง การเป็นคนรวยไม่ผิด หากเงินที่ได้มานั้นเป็นการได้มาอย่างสุจริต สังคมไทยนับถือคนรวย ใครรวยเหมือนเป็นอภิสิทธิชน มีสิทธิเหนือกว่าคนอื่น แต่ขณะเดียวกันสังคมไทยก็มักมองว่าคนรวยคือคนไม่ดี ต้องโกงถึงรวย ฯลฯ เมื่อเกิดความคิดลบกับการสร้างฐานะเพื่อเป็นคนรวย ทำให้หลายคนเลือกที่จะปิดกั้นตนเอง ไม่ใช้ศักยภาพของตนให้เต็มที่ ปล่อยโอกาสดีที่ผ่านเข้ามาอย่างน่าเสียดาย

17. It’s not what you make, it’s what you keep “การเป็นที่หนึ่งว่ายากแล้ว การรักษาตำแหน่งสูงสุดนั้นยากกว่า” ประโยคที่เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินมาแล้ว การเงินก็เหมือนกัน “การสร้างความมั่งคั่งว่ายากแล้ว การรักษาความมั่งคั่งให้ยั่งยืนนั้นยากกว่า” ผมเคยสัมภาษณ์เศรษฐีหลายท่าน ระหว่าง “มั่งคั่ง” กับ “มั่นคง” ให้ความสำคัญกับเรื่องไหนมากกว่ากัน เศรษฐีไทยส่วนใหญ่ตอบให้ความสำคัญกับ “มั่นคง” มากกว่า ยิ่ง “มั่นคง” ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานยิ่งดี

เริ่มต้นการวางแผนการเงินด้วยกฎของเงิน จะเป็นเข็มทิศให้เราบริหารจัดการเงินได้อย่างถูกต้องต่อไป
 
 
 
อ่านบทความ

ความจริงความคิด : กฎแห่งเงิน “Rules of Money” ตอนที่ 1


 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–