HoonSmart.com>>เมืองไทยประกันชีวิต เปิดเผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 ตามกรอบ GRI อย่างเป็นทางการ สะท้อนการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี สร้างคุณค่าร่วมอย่างยั่งยืนแก่ทุกภาคส่วน
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวว่า รายงานความยั่งยืนในปีนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในด้าน ESG แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างมีจริยธรรม พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก โดยเรายึดมั่นในการทำธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวทั้งต่อผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯยังคงเดินหน้าพัฒนาแนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมาย Net Zero scope 1 และ 2 ภายในปี 2030
นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นในการเสริมสร้างการเข้าถึง การประกันชีวิตและสุขภาพให้แก่คนในสังคม พร้อมมุ่งมั่นในการสร้างความรู้ความเข้าในด้านการวางแผนการเงินและการประกันชีวิตให้กับคนไทย และยังคงบริหารงานด้วยความโปร่งใส ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
สำหรับ รายงานความยั่งยืนฉบับนี้ครอบคลุมผลการดำเนินงานในหลากหลายด้าน อาทิ
การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมขององค์กร และการลงทุนอย่างยั่งยืน
ความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น การเสริมสร้างการเข้าถึง และความรู้ด้านการวางแผนการเงิน และการประกันชีวิต การส่งเสริมคุณภาพชีวิตพนักงาน การส่งเสริมความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของคนในสังคม
การกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น ความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการระบุประเด็นสาระสำคัญ (Material Topics) ภายใต้กระบวนการจัดทำ Double Materiality โดยคำนึงทั้งผลกระทบต่อธุรกิจ (Financial Materiality) และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (Impact Materiality) ผ่านการรับฟังเสียงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมทั้งเปิดเผยตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องตามมาตรฐาน Global Reporting Initiative (GRI) เพื่อให้ลูกค้า ประชาชน และผู้สนใจ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและตรวจสอบได้
สำหรับ ด้าน Financial Materiality ที่มีนัยสำคัญทางการเงิน ประกอบด้วย
1. การเข้าถึงบริการประกันชีวิตและสุขภาพ จะพิจารณาโอกาสทางธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงกลุ่มเปราะบางช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้เบี้ยประกัน รวมถึงความเสี่ยง หากไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดใหม่ อาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่ง InsurTech
2.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลต่อความเสี่ยงทางการเงิน กรณีเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้นอาจเพิ่มภาระการจ่ายค่าสินไหม ส่งผลต่ออัตรากำไร และโอกาสการลงทุนในกองทุน ESG และการลดคาร์บอนช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและดึงดูดนักลงทุนสถาบัน
3.ความมั่นคงทางไซเบอร์และข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีความเสี่ยง จากการละเมิดข้อมูลอาจนำไปสู่ค่าปรับตาม PDPA และสูญเสียความเชื่อมั่นของลูกค้า รวมถึงการลงทุนที่จำเป็นในระบบ Cybersecurity และการฝึกอบรมพนักงานอย่างต่อเนื่อง
4.ความหลากหลายและการมีส่วนร่วม (DEI) ทั้งมุมของมองโอกาส ด้านวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างช่วยดึงดูดและรักษาบุคลากรคุณภาพ ลดต้นทุนการสรรหา และความเสี่ยง จากการละเลย DEI อาจกระทบต่อชื่อเสียงและความสามารถในการแข่งขันด้านแรงงาน
5. ธรรมาภิบาลและการบริหารความเสี่ยง ที่มีความเสี่ยง ด้านการขาดความโปร่งใสหรือการกำกับดูแลที่อ่อนแอ อาจนำไปสู่การถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ รวมถึงโอกาส การเปิดเผยข้อมูลตาม GRI และการมีระบบบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็งช่วยสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน