ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 344 จุด จ้างงานแกร่งเกินคาด

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 344 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่สาม หลังรายงานการจ้างงานดีเกินคาด หนุนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง แม้มีนโยบายการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.67% ปิดที่ 67.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.45% ปิดที่ 68.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ปิดที่ 44,828.53 จุด เพิ่มขึ้น 344.11 จุด หรือ +0.77% ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่สาม หลังจากรายงานการจ้างงานที่ดีเกินคาดทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งแม้จะมีนโยบายการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,279.35 จุด เพิ่มขึ้น 51.93 จุด, +0.83%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,601.10 จุด เพิ่มขึ้น 207.97 จุด, +1.02%

สำนักงานสถิติแรงงานรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ซึ่งสูงกว่า 110,000 ตำแหน่งที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ในการสำรวจของ Dow Jones และสูงกว่าตัวเลขทบทวน 144,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมที่ อัตราการว่างงานยังลดลงมาที่ 4.1% ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3%

รายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งสูงขึ้นและลดความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ตามเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group เทรดเดอร์ประเมินโอกาสที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% ในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้ไว้ที่ราว 95%

หุ้น Nividia เพิ่มขึ้น 1.3% ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(Market Cap)ของบริษัทเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.89 ล้านล้านดอลลาร์ และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

นักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าใหม่ๆ ของการค้า เนื่องจากประเทศต่างๆ เร่งดำเนินการให้ทันกำหนดเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคมสำหรับการเริ่มใช้มาตรการภาษีศุลกากรอีกครั้ง ข้อตกลงการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับเวียดนามทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น และหวังว่าจะมีข้อตกลงเพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจเสียหายจากมาตรการภาษีศุลกากร

สำหรับร่างกฎหมายภาษีของทรัมป์ ซึ่งผ่านวุฒิสภาในวันอังคารและถูกส่งกลับเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรแล้ว เพื่อการลงคะแนนเสียงขั้นสุดท้ายเมื่อวานนี้ก็ผ่านความเห็นชอบหลังตลาดหุ้นปิดทำการ
วันพฤหัสบดีเป็นวันที่ชั่วโมงซื้อขายสั้นลง โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กและ Nasdaq ปิดทำการเวลา 13.00 น. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในวันศุกร์ ( 4 ก.ค.)เนื่องในวันชาติ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เนื่องจากนักลงทุนขานรับการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยหุ้นธนาคารนำการปรับขึ้น ขณะที่ความสนใจยังอยู่ที่ข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯที่อาจเกิดขึ้น

ในกลุ่มธนาคารหุ้น Natwest และหุ้น Lloyds ของอังกฤษ เพิ่มขึ้นกว่า 3%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 543.76 จุด เพิ่มขึ้น 2.55 จุด, +0.47%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,823.20 จุด เพิ่มขึ้น 48.51 จุด, +0.55%ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,754.55 จุด เพิ่มขึ้น 16.13 จุด, +0.21%ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,934.13 จุด เพิ่มขึ้น 144.02 จุด, +0.61%

หุ้นยุโรปได้รับประโยชน์จากบรรยากาศเชิงบวกในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อคืนก่อนที่ดัชนี S&P 500 และ NASDAQ พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตามลำดับ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนามแล้ว

แม้ว่ารายละเอียดจะยังไม่ชัดเจน แต่การประกาศนี้ได้ทำให้มีความหวังว่าจะมีการประกาศข้อตกลงเพิ่มเติมก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งสอดคล้องกับข้อตกลงทางการค้าที่ประกาศไปก่อนหน้านี้กับจีน ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลทรัมป์ได้ยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับการขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปในจีนทันที

คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งกำลังเจรจาในนามของสหภาพยุโรป มีกำหนดที่จะประชุมร่วมกับรัฐบาลทรัมป์ในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.67% ปิดที่ 67.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.45% ปิดที่ 68.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–