โดย นายแพทย์พงษ์วัฒน์ พลพงษ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมระบบประสาท

เมื่อชีวิตเปลี่ยนในพริบตา
เช้าวันหนึ่งที่ดูเหมือนธรรมดา แต่แล้วก็กลายเป็นวันที่ชีวิตเปลี่ยนไป
เมื่อการตื่นขึ้นมาพบว่าพูดไม่ได้ แขนข้างหนึ่งไม่เคลื่อนไหว และเวลา 30
นาทีถัดมากลายเป็นการเดินทางด่วนสู่โรงพยาบาล
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องฉุกเฉินทุกวัน
"โรคหลอดเลือดสมองจัดว่าเป็นภัยเงียบ
เพราะมันเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันทันที
คนไข้บางคนยังใช้ชีวิตตามปกติในเช้าเดียวกัน
แต่เพียงไม่กี่นาทีถัดมากลับไม่สามารถพูดหรือขยับร่างกายได้อีกเลย
การแข่งขันกับเวลา
ในโลกของการแพทย์ฉุกเฉิน มีกฎข้อหนึ่งที่ทุกคนรู้ดี "Time is Brain"
เวลาคือสมอง ทุกนาทีที่ผ่านไป สมองจะสูญเสียเซลล์ประสาทไปประมาณ 1.9
ล้านเซลล์ นั่นเท่ากับการแก่ชราลง 3.6 สัปดาห์ในเวลาเพียง 1 นาที
สโตรกจากหลอดเลือดตีบที่พบบ่อยที่สุด (80% ของผู้ป่วย)
เปรียบเสมือนการที่น้ำประปาในบ้านถูกปิด ส่วนสโตรกจากหลอดเลือดแตก
(20%) เหมือนท่อน้ำแตกในบ้าน ทั้งสองอย่างล้วนทำลายล้าง
แต่วิธีแก้ไขต่างกันโดยสิ้นเชิง
ปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาทอง
หน้าต่างแห่งโอกาสสำหรับการรักษาสโตรกเปิดอยู่เพียง 4.5 ชั่วโมง
เรียกว่า หากผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลภายในเวลานี้
แพทย์สามารถฉีดยาละลายลิ่มเลือดเพื่อเปิดหลอดเลือดที่อุดตัน
หรือใช้เครื่องมือพิเศษดูดลิ่มเลือดออก เมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาทันท่วงที
โอกาสที่จะฟื้นตัวและกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงเดิมจะสูงขึ้นอย่างมาก
นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า ปาฏิหาริย์แห่งการแพทย์สมัยใหม่
เมื่อร่างกายส่งสัญญาณ
สมองเป็นเหมือนศูนย์บัญชาการของร่างกาย เมื่อบางส่วนเสียหาย
ร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนทันที การจำคำว่า "FAST" จะช่วยชีวิตได้
F-Face เมื่อเห็นคนที่คุ้นเคยยิ้มแล้วปากเบี้ยว
A-Arm เมื่อแขนข้างหนึ่งยกไม่ขึ้น
S-Speech เมื่อคำพูดเปลี่ยนเป็นเสียงที่ไม่เข้าใจ
T-Time เวลาที่คุณต้องโทรเรียกรถพยาบาลทันที
ศัตรูที่มองไม่เห็น
สิ่งที่น่ากลัวของสโตรกไม่ใช่ตัวโรคเท่านั้น
แต่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่แฝงตัวอยู่ในชีวิตประจำวัน ความดันโลหิตสูง
เป็นนักฆ่าเงียบที่สำคัญที่สุด ตามมาด้วยน้ำตาลในเลือดที่สูงจากเบาหวาน
ไขมันที่สะสมในหลอดเลือด และควันบุหรี่ที่ทำลายผนังหลอดเลือด
จากสถิติกระทรวงสาธารณสุข สโตรกคร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 2
รองจากมะเร็ง แต่สิ่งที่เจ็บปวดกว่าการเสียชีวิตคือ
การที่ต้องมาใช้ชีวิตกับความพิการ
ศิลปะแห่งการป้องกัน
หากถามว่าอะไรดีที่สุดสำหรับสโตรก คำตอบคือ อย่าให้มันเกิดขึ้น" —
นพ.พงษ์วัฒน์ การป้องกันสโตรกไม่ใช่เรื่องยากเย็น การตรวจสุขภาพประจำปี
เปรียบเสมือนการตรวจเช็ครถก่อนเดินทางไกล การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
เหมือนการใส่น้ำมันเครื่องให้รถ การเลิกสูบบุหรี่ลดความเสี่ยงได้ครึ่งหนึ่ง
การออกกำลังกาย 30 นาทีต่อวันเสมือนการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ชีวิต
อาหารที่เราเลือกทานทุกวันคือการลงทุนในอนาคต
ผักผลไม้เป็นเหมือนประกันชีวิต
ส่วนเกลือและน้ำตาลคือการเล่นการพนันกับสุขภาพ
เทคโนโลยีเปลี่ยนชีวิต
หากย้อนกลับไป 20 ปี
คนที่เป็นสโตรกส่วนใหญ่จะต้องยอมรับกับชะตากรรม
แต่วันนี้เราขีดเส้นใต้คำว่า “ยอมแพ้”
ด้วยการรักษาด้วยการฉีดยาละลายลิ่มเลือดเปลี่ยนเกมส์
การดูดลิ่มเลือดด้วยเครื่องมือพิเศษทำให้ผู้ป่วยหลายรายกลับมามีชีวิตใหม่
การผ่าตัดด้วยเทคนิคแผลเล็กลดความเจ็บปวดและเร่งการฟื้นตัว
บทเรียนจากห้องฉุกเฉิน
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการดูแลผู้ป่วยนับพันคน คือ
การป้องกันง่ายกว่าการรักษา เวลามีค่ากว่าเงิน และ
ครอบครัวที่เข้าใจอาการจะช่วยชีวิตได้ สโตรกสามารถป้องกันได้ 80%
แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว การกลับคืนสู่สภาพเดิม 100% เป็นไปได้ยาก
อย่ารอให้อาการหาย อย่าคิดว่าเป็นแค่ความเมื่อยล้า
เมื่อสงสัยให้รีบไปโรงพยาบาล เพราะในการรักษาสโตรก ทุกนาทีคือชีวิต
เกี่ยวกับแพทย์ผู้เขียน
นายแพทย์พงษ์วัฒน์ พลพงษ์ (Pongwat Polpong, MD) neurosurgeon
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมระบบประสาท
สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์จากศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล
และได้รับวุฒิบัตรประสาทศัลยศาสตร์จากสถาบันประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย
เชี่ยวชาญการผ่าตัดระบบประสาทด้วยเทคนิคแผลเล็ก
และการรักษาโรคหลอดเลือดสมองด้วยประสบการณ์ในห้องผ่าตัด กว่า 2,000 ราย
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรคสโตรก
ไม่ใช่การทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ หากมีอาการสงสัย
โปรดปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ