HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 10 จุด ส่วน S&P 500 , Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีและข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนาม ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” พุ่ง 3.06% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ปิดที่ 44,484.42 จุด ลดลง 10.52 จุด หรือ -0.02% แต่ ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีและข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าที่ยืดเยื้อ
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,227.42 จุด เพิ่มขึ้น 29.41 จุด, +0.47%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,393.13 จุด เพิ่มขึ้น 190.24 จุด, +0.94%
ในช่วงแรกทั้งสามดัชนีหลักปรับตัวลงหลัง รายงานชุดใหม่แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานภาคเอกชนลดลงเกินคาดในเดือนมิถุนายน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) รายงาน การจ้างงานของภาคเอกชนเดือนมิถุนายน ลดลง 33,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Dow Jones คาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่ง
ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนาม ซึ่งรวมถึงภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม 20%
หุ้น Nike ซึ่งผลิตรองเท้าประมาณครึ่งหนึ่งในเวียดนามและจีน เพิ่มขึ้น 4%
นอกจากนี้คณะบริหารของทรัมป์ยังแย้มว่าข้อตกลงกับอินเดียกำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่ข้อตกลงกับประเทศอื่นๆ อาจจะไม่พร้อมภายในวันที่ 9 กรกฎาคม
หุ้น Tesla พุ่งขึ้น 5% จากที่ร่วงลงเมื่อต้นสัปดาห์นี้ แม้บริษัทรายงานยอดส่งมอบในไตรมาสที่ 2 ลดลงอย่างมากก็ตาม เทรดเดอร์บางรายกล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวไม่รุนแรงเท่ากับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
บรรดานักลงทุนยังจับตาดูร่างกฎหมายภาษีและการใช้จ่ายของทรัมป์ ซึ่งผ่านวุฒิสภาไปอย่างหวุดหวิดเมื่อวันอังคาร ร่างกฎหมายดังกล่าวจะกลับไปที่สภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ซึ่เพื่อพิจารณาอนุมัติขั้นสุดท้าย นักวิเคราะห์ระบุว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะทำให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า
นักลงทุนรอการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพฤหัสบดี เพื่อประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดดอกเบี้ยได้เร็ว นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก นำโดยหุ้นพลังงานหมุนเวียน หลังจากร่างงบประมาณฉบับแก้ไขของสหรัฐฯ ผ่านการลงมติสำคัญ ขณะที่ความสนใจอยู่ที่ข้อตกลงการค้า ก่อนที่เส้นตายด้านภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ครบกำหนดในวันที่ 9 กรกฎาคม
ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในตลาดที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในภูมิภาคนี้ โดยพุ่งขึ้น 1%
หุ้นสินค้าหรูที่จดทะเบียนในปารีสทั้ง LVMH, Moncler ของอิตาลี และ Burberry ของอังกฤษ ต่างก็พุ่งขึ้นราว 4% ซึ่งเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดของดัชนี STOXX 600
ธนาคาร UBS ของสวิสปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มสินค้าหรูของยุโรปจาก “underweight” เป็น “benchmark” โดยให้เหตุผลว่าราคาหุ้นที่ตกลงมากในช่วงที่ผ่านมาเปิดโอกาสทางกลยุทธ์ แม้จีนยังคงมีความเสี่ยงก็ตาม
หุ้นเหมืองแร่ปรับขึ้นมากสุด โดยผู้ผลิตเหล็ก เช่น ArcelorMittal และ Thyssenkrupp ปรับตัวขึ้นมากที่สุด
หุ้นรถยนต์เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นธนาคารในยูโรโซนเพิ่มขึ้น 1.5%
หุ้นของบริษัทพลังงานหมุนเวียนในยุโรปพุ่งขึ้นหลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างงบประมาณฉบับแก้ไข ซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมพลังงานลมมากกว่าฉบับก่อนหน้า
หุ้น Vestas เพิ่มขึ้น 10.1% และเป็นหุ้นที่ปรับขึ้นมากสุดใน STOXX 600 หุ้น Orsted เพิ่มขึ้น 1.8%
สำหรับการเจรจาการค้าทั่วโลกล่าสุด ทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนามแล้ว และจะไม่พิจารณาขยายเวลากำหนดเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคมสำหรับการเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ
ขณะเดียวกัน คาดว่าผู้นำการค้าของสหภาพยุโรปจะเดินทางไปเจรจาในสัปดาห์นี้ที่กรุงวอชิงตัน เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นของสหรัฐ
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 541.21 จุด เพิ่มขึ้น 0.96 จุด, +0.18%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,774.69 จุด ลดลง 10.64 จุด, -0.12%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,738.42 จุด เพิ่มขึ้น 75.83 จุด, +0.99%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,790.11 จุด เพิ่มขึ้น 116.82 จุด, +0.49%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 3.06% ปิดที่ 67.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 2.98% ปิดที่ 69.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

