กรุงศรีฯ เผยธุรกรรม FX โตสวนเศรษฐกิจ ดันสินค้าอิง ESG–สกุลเงินใหม่–ดิจิทัล

HoonSmart.com>> กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ เผย ไตรมาสแรก ธุรกรรม FX โต 10% สวนทางส่งออก-นำเข้า เร่งดันผลิตภัณฑ์อิง ESG สกุลเงินเปโซ–เดอร์แฮม รองรับลูกค้าไปตลาดตะวันออกกลาง–อเมริกาเหนือ ด้านค้าเงินผ่านดิจิทัลพุ่งแรง 138%

นายฮิโรทากะ คุโรกิ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  กล่าวว่า ปัจจุบันภาคการส่งออกของไทยได้รับผลกระทบทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ กรุงศรี Global Market พร้อมจะสนับสนุนลูกค้าและผู้ประกอบการไทยให้สามารถดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทาย ได้อย่างมั่นคงด้วยการสนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับ ทั้งมิติ ESG การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่ รวมถึงขยายฐานธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า

ในไตรมาส 1 ปี 2568 ปริมาณธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ของกรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 10% มาอยู่ที่วันละ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ( อัตราแลกเปลี่ยน ณวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 อยู่ที่ 1 ดอลลาร์เท่ากับ 32.44 บาทจะเป็นเงินประมาณ 6,488.73 ล้านบาท) ทั้งฝั่งซื้อและขายเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นการโตมากกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ สูงกว่าอัตราการส่งออกและนำเข้าในไตรมาสแรก

ธนาคาร คาดว่า ปี 2568 จะสามารถรักษาระดับการเติบโตของธุรกรรม การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ได้อย่างเนื่อง ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการเติบโต

เพิ่มการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เชื่อมโยงกับมิติ ESG ซึ่งเรียกว่า ESG Link Interest Rate Derivatives และผลิตภัณฑ์แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่อ้างอิง ESG- Link FX ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณการซื้อขาย ผลิตภัณฑ์ ESG- Link FX อยู่ที่ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3,236 ล้านบาท และแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างช้าๆ

สอง ส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่หรือ Emerging Currency โดยปีที่ผ่านมาสามารถขยายขีดความสามารถเพื่อรองรับธุรกรรมสกุลเงินเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (AED) และธุรกรรมปริวรรตเงินตราต่างประเทศให้ครอบคลุมเงินสกุลเปโซเม็กซิโก (MXN) เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแก่ลูกค้าที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับตะวันออกกลางและอเมริกาเหนือ โดยในปี 2567 ธนาคารมีปริมาณธุรกรรมในการใช้ธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่เพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

“ปัจจุบันสัดส่วนก็อยู่ประมาณ 10% หวังว่าจะค่อยๆขยับขึ้นเป็น 11% 12% ในปีถัดๆ ไป ตามการเติบโตของลูกค้าที่มีการทำธุรกิจใน 2 ตลาดนี้ สินค้าที่ส่งออกจะเป็นชิ้นส่วนรถยนต์สันดาป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ความต้องมีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินมีเพิ่มขึ้น”นายฮิโรทากะ กล่าว

นายฮิโรทากะ กล่าวว่า การซื้อขายเงินตราต่างประเทศ อันดับ 1 คือยังคงเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตามด้วยเงินยูโรเงินเยน ในขณะที่เงินหยวน จีน เงินรูเปียห์ อินโดนีเซีย และเงินรูปี อินเดีย มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว สะท้อนว่าการค้าขายระหว่าง 3 ประเทศนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น

การซื้อขายเงินรูเปียห์ อินโดนีเซีย ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนหนึ่งมาจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย มีการลงนามภายใต้ความร่วมมือ อาเซียน Cross Border Payment Connectivity หรือ ACCD กับ 5 ประเทศ ให้สามารถใช้เงินสกุลท้องถิ่นชำระค่าสินค้าได้ แต่สกุลเงินประเทศ

อื่นๆ ที่อยู่ใน ACCD ไม่คึกคักเหมือนรูเปียห์ อินโดนีเซีย

สาม การขยายฐานธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่องให้มีความหลากหลาย สะดวก รวดเร็ว และสอดคล้องกับความต้องการ โดยในปี 2567 มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 138% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและในไตรมาส 1/2568 มีจำนวนธุรกรรม FX ที่ทำผ่านแพลตฟอร์ม FX@Krungsri สูงถึง 26% ของธุรกรรม FX ที่สามารถซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้

สี่ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่แก่ลูกค้าไม่จำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปริวรรตเงินตราต่างประเทศและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

เช่น ในปี 2567 ได้ออกผลิตภัณฑ์สัญญาซื้อขายตราสารหนี้ล่วงหน้า (Bond Forward) ที่ลูกค้าและนักลงทุนสามารถใช้ในการลดความเสี่ยงด้านตลาดและด้านสภาพคล่องในการกำหนดราคาซื้อขายพันธบัตร