HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดลบ 106 จุด หลังประธานเฟดขอศึกษาผลกระทบภาษีของทรัมป์ก่อนตัดสินใจลดดอกเบี้ย ส่วน S&P 500 ขึ้นไปใกล้แตะ all-time high ก่อนปิดลดลงเล็กน้อย ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง นักลงทุนหันไปให้ความสนใจกับเส้นตายการระงับการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่กำลังใกล้เข้ามา 8 ก.ค.นี้ ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 25 มิ.ย. 2568 ปิดที่ 42,982.43 จุด ลดลง 106.59 จุด หรือ -0.25% ท่ามกลางความผันผวน
หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านนั้นจบลง อย่างเป็นทางการแล้วในตอนนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันมีเสถียรภาพ และหลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เจอโรม พาวเวลล์ ย้ำว่าเฟดยังคงศึกษาผลกระทบของภาษีศุลกากรของทรัมป์ ก่อนที่จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี S&P 500 เกือบจะแตะระดับ all-time high แต่ปิดตลาดที่ 6,092.16 จุด ลดลง 0.02 จุด, -0.00% และอยู่ต่ำกว่าระดับall-time high ที่ 6,144.15 ซึ่งเคยทำไว้เพียง 0.9%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,973.55 จุด เพิ่มขึ้น 61.02 จุด, +0.31%
หุ้น Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ เพิ่มขึ้น 4.3% หลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่วนหุ้น Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google และ AMD ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป เพิ่มขึ้น 2.3% และ 3.6% ตามลำดับ
หุ้น QuantumScape พุ่งขึ้น 31.5% หลังจากประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่โซลิดสเตต เทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตตจะช่วยระยะทางวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้า ลดเวลาในการชาร์จ และลดความเสี่ยงของการเกิดไฟไหม้แบตเตอรี่
หุ้น FedEx ลดลง 2% แม้รายงานกำไรและรายได้ที่แข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสล่าสุดกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่คาดการณ์กำไรในไตรมาสปัจจุบันต่ำกว่าที่คาดไว้
ตลาดเคลื่อนไหวสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ขณะที่ความตึงเครียดด้านการค้าคลี่คลายลง และดูเหมือนว่าข้อตกลงหยุดยิงในตะวันออก กลางระหว่างอิหร่านและอิสราเอลจะมีผล จากการที่ไม่มีรายงานการโจมตีระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน นับตั้งแต่ทรัมป์ตำหนิทั้งสองประเทศว่าละเมิดข้อตกลงยุติการสู้รบ
อย่างไรก็ตามหุ้นร่วงลงหลังจากที่พาวเวลล์แถลงต่อคณะกรรมาธิการธนาคารของวุฒิสภาในวันที่สองของการให้ถ้อยแถลงว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อรัฐสภา โดยย้ำแนวทางการดำเนินการที่รอบคอบต่อผลของภาษีศุลกากรและอัตราเงินเฟ้อ และกล่าวว่าจะมีพื้นที่สำหรับการลดอัตราหากผลกระทบเป็นเพียงชั่วคราว
ถ้อยแถลงของพาวเวลล์มีขึ้นก่อนการเผยแพร่รายงานการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรการวัดงินเฟ้อที่เฟดนิยม ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักลงทุนจะประเมินสัญยานเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมต้นทุนอาหารและพลังงานที่ผันผวน เมื่อเทียบรายปี จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคมจากเดือนเมษายน แต่จะประเมินสัญญาณ ที่บ่งชี้ว่าภาษีของทรัมป์ทำให้ราคาสูงขึ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ คือ ยอดขายบ้านใหม่เดือนพฤษภาคมซึ่งลดลงมาที่ 623,000 ยูนิตหรือลดลง 13.7% เมื่อเทียบรายเดือน และต่ำกว่า 694,000 ยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาด
นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆในสัปดาห์นี้ คือ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงจับตามองความเปราะบางของข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ขณะที่หันไปให้ความสนใจกับเส้นตายการระงับการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่กำลังใกล้เข้ามา
การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นตัวกลางดูเหมือนจะได้ผล แม้ว่ายังคงไม่วางใจอยู่บ้าง
หุ้นส่วนใหญ่ร่วงลงอย่างหนัก มีเพียงสี่กลุ่มเท่านั้นที่เคลื่อนไหวสวนทางกับตลาด
นักลงทุนยังคงระมัดระวัง โดยจับตาเส้นตายการระงับภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในวันที่ 8 กรกฎาคม เนื่องจากสหภาพยุโรปกำลังเร่งเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้า ขณะที่แทบไม่มีความคืบหน้า
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 536.98 จุด ลดลง 4.00 จุด, -0.74%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,718.75 จุด ลดลง 40.24 จุด, -0.46%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,558.16 จุด ลดลง 57.83 จุด, -0.76%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,498.33 จุด ลดลง 143.25 จุด, -0.61%
หุ้นรถยนต์ยุโรปพุ่ง 1.3% ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ายอดขายรถยนต์เดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี
หุ้น Stellantis พุ่ง 3% หลังจาก Jefferies ปรับคำแนะนำการลงทุนจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศพุ่งสูงขึ้นหลังจากที่ NATO ให้คำมั่นที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารอย่างมาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยืนยันกับพันธมิตรว่าสหรัฐให้การสนับสนุน
ตลาดหุ้นสเปนลดลงมากที่สุด 1.6% จากความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณด้านการป้องกันประเทศ และข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวลงมาที่ 0.6% ในช่วงต้นปี 2568
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.85% ปิดที่ 64.92ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 67.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบในตลาดซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ร่วงลงราว 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงสองวันที่ผ่านมา

