ค่ายกสิกรไทยคาดแนวโน้มหุ้นสัปดาห์ถัดไปเคลื่อนไหวแคบๆ รอข่าวบวก ถ้อยแถลงประธานเฟด สัญญาณการชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ย ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย คาดการณ์ตลาดหุ้นสัปดาห์ถัดไป (3-7ธ.ค.2561) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีแนวรับที่ 1,630 และ 1,620 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,665 จุดตามลำดับ จากสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นปิดที่ 1,641.80 จุด
ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดรวมถึงเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ย. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค.
ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนพ.ย.ของประเทศในยุโรปและญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ของจีน
สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ระดับ 1,641.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.21% จากสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 0.39% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 37,250 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ( mai)เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.41% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 400.82 จุด
ตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ โดยได้รับแรงหนุนจากประเด็นการเมืองในประเทศ แรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน รวมถึงการตีความของตลาดว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังประธานเฟดเปิดเผยว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นยังได้รับแรงหนุนจากรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนต.ค.
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงรอดูผลการเจราจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้
ทางด้านเงินบาทในสัปดาห์ถัดไป ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหว ที่32.70-33.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับมาแข็งค่ากว่าระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังมีการตีความว่าเฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะมีจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลงในปีหน้า
อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทยังคงจำกัด เนื่องจากตลาดยังคงรอประเมินสัญญาณจากการหารือนอกรอบประชุม G20 สหรัฐฯ และจีนเกี่ยวกับประเด็นทางการค้า
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.87 เทียบกับระดับ 33.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 พ.ย.)