HoonSmart.com>> หุ้นไทยไม่ผันผวน ลงเกาะกลุ่มตลาดเอเชีย ติดลบเพียง 4.85 จุด ต่างชาติพลิกซื้อ 913 ล้านบาท “อัสสเดช”“ลั่นพร้อมเลิกมาตรการลดซิลลิ่ง-ฟลอร์ หากไม่จำเป็น ไม่ต้องรอถึง 27 มิ.ย. TISCO ESU จับตา“ยุบสภา-นายกฯ” ทำศก.ครึ่งปีหลังสะดุด-ฉุดจีดีพี1%” บล.ยูบีเอส ลดน้ำหนักหุ้นไทย ห่วงการเมืองไม่แน่นอน “บล.ดาโอ” เปิดโผหุ้นได้-เสียสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านเป็นลบต่อ “กลุ่มโรงไฟฟ้า, ปิโตรเคมี, ค้าปลีกน้ำมัน,ท่องเที่ยว-การบิน,ส่งออก, ค้าปลีก
ตลาดหุ้นไทย วันที่ 23 มิ.ย.2568 ระหว่างวันร่วงลงไปต่ำสุดแตะ 1,053.79 จุด ติดลบ 13.84 จุด หลังจากนั้นมีแรงไล่ซื้อหุ้นใหญ่ ดันตลาดฟื้นตัว และไล่ขึ้นไปสูงสุดที่ 1,067.88 จุด มาปิดที่ 1,062.78 จุด ติดลบเพียง 4.85 จุดหรือ-0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 32,461.60 ล้านบาท โดยต่างชาติซื้อสุทธิ 913.35 ล้านบาท สวนทางสถาบันไทยขาย 400.87 ล้านบาท พอร์ตบล.ขาย 409.68 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขาย 102.80 ล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยเกาะกลุ่มตลาดในภูมิภาคที่ติดลบกันเล็กน้อย และดัชนี SET ไม่ผันผวนมากอย่างที่กังวล หลังจากสหรัฐโจมตีอิหร่าน รวมถึงความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาและความไม่แน่นอนทางการเมือง จนตลาดหลักทรัพย์ต้องประกาศใช้มาตรการชั่วคราว ลดราคาซิ่ลลิ่ง-ฟลอร์ เหลือ 15% มีผลวันนี้เป็นวันแรก ถึงไม่เกิน 27 มิ.ย.นี้
“นักลงทุนมีการซื้อหุ้นขนาดใหญ่กลับคืน หลังจากราคาร่วงลงแรงเกินไป นำโดย AOT,GULF, SCC,CPALL และธนาคาร ขณะที่กลุ่มพลังงานยังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น”
ด้านนายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แถลงก่อนเปิดการซื้อขายวันที่ 23 มิ.ย.ว่า มาตรการชั่วคราว ลดกรอบราคาหลักทรัพย์”ซิลลิ่ง-ฟลอร์”จากเดิม 30% เหลือ 15% สำหรับตลาด SET, mai และ TFEX ลดกรอบราคา Dynamic Price Band รายหลักทรัพย์จาก 10% เหลือ 5% มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.ถึงไม่เกิน 27 มิ.ย.นี้ เพื่อลดความผันผวนของราคาระหว่างวันว่า ตลาดพร้อมจะยกเลิก หากราคาไม่ผันผวน และขอให้นักลงทุนประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีผลกระทบต่อไทยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งมีทั้งบวกและลบ สถานการณ์ไม่เหมือนกับวันที่ “ทรัมป์” ประกาศจะเพิ่มภาษีนำเข้าจากทุกประเทศที่กระทบทุกคน
“หากวันนี้หรือพรุ่งนี้ไม่จำเป็นก็พร้อมจะถอดมาตรการนี้ออกได้ ” นายอัสสเดชกล่าว
สำหรับการเรียกความเชื่อมั่นจากกองทุนต่างประเทศ นายอัสสเดชกล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์พยายามทำการบ้านมาโดยตลอด
ตอนโรดโชว์ที่สิงคโปร์ ได้เข้าพบผู้จัดการกต่างชาติค่อนข้างเยอะ อะไรที่ทำให้ไม่สนใจตลาดหุ้นไทย เหมือนแต่ก่อน สิ่งที่บอกคือ นโยบายเศรษฐกิจของไทยดีมาก หลายอย่างที่ประกาศไปชอบ แต่ “อยากเห็น เห็นโอกาสที่เห็นได้จริง”
นักยุทธศาสตร์ของยูบีเอส ( UBS ) ปรับลดอันดับหุ้นไทยเป็น Neutral จาก Overweight อ้างถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่อาจส่งผล กระทบต่อทิศทางนโยบายและความรู้สึกของนักลงทุน นอกจากนี้เงินไหลเข้ากองทุนพิเศษ ESG ของไทยนั้นไม่น่าประทับใจ แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกอ่อนแอต่อหุ้น ขณะเดียวกัน การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในจีนนั้นอ่อนแอกว่าที่คาดไว้
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ วิเคราะห์หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากสงครามอิสราเอล-อิหร่านที่ตึงเครียดมากขึ้น หลังสหรัฐฯ โจมตีฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่ง ขณะที่รัฐสภาอิหร่านมีมติเอกฉันท์ให้ปิดช่องแคบ Hormuz เชื่อว่าอาจจะส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นสูงกว่า 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลได้ในระยะสั้นถึงกลาง ทั้งนี้ ในเบื้องต้นยังประมาณการสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยของฝ่ายวิจัยไว้ที่ 70 เหรียญสหรัฐ
ฝ่ายวิจัยมองเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำละโรงกลั่น ราคาพลังงานต้นน้ำ ที่น่าจะสูงขึ้นจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน (โดยเฉพาะพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น) ขณะที่ เป็นลบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า, ปิโตรเคมี และ ค้าปลีกน้ำมัน, ท่องเที่ยวและสายการบิน, กลุ่มส่งออก, และกลุ่มค้าปลีก ซึ่งอาจจะเห็นต้นทุนที่สูงขึ้น
———————————————————————————————————————————————————–
