หุ้นโตเกียว-เอเชียร่วง วิตกสถานการณ์ตะวันออกกลาง หลังสหรัฐฯโจมตีอิหร่าน

HoonSmart.com>> “ตลาดหุ้นโตเกียว-หุ้นเอเชียแปซิฟิก” เช้านี้ปรับตัวลดลง ตามตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงหลังจากสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่านสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดันราคาน้ำมันสูงขึ้น นักลงทุนกังวลความขัดแย้งตะวันออกกลางจะรุนแรงขึ้น

ตลาดหุ้นโตเกียวเช้านี้ปรับตัวลง และเป็นการลดลงต่อเนื่องมาจากสองวันก่อนหน้า

หลังจากที่ดัชนีหลักในตลาดหุ้นสหรัฐปิดในทิศทางต่างกันเมื่อวันศุกร์ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากสหรัฐฯ ได้โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน

โดยดัชนี Nikkei 225 ร่วงลงใกล้ระดับ 38,000 จุด จากหุ้นที่อ่อนตัวลงในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดยหุ้นที่มีน้ำหนักในดัชนี หุ้นส่งออก และหุ้นเทคโนโลยี

ในตลาด Prime Market ซึ่งเป็นตลาดชั้นนำ กลุ่มที่นำการปรับตัวขึ้นลงคือ กลุ่มโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า

ณ เวลา 10.16 น. ตามเวลาประเทศไทย

ดัชนี Nikkei 225 อยู่ที่ 38,175.63 จุด ลดลง 227.6 จุด, -0.59%

ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ปรับลง ตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ร่วงหลังจากสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน ลง เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น และนักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะรุนแรงขึ้น

อิหร่านประกาศจะปกป้องตัวเองหลังจากสหรัฐทิ้งระเบิดหนัก 30,000 ปอนด์ลงบนภูเขาเหนือโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ของอิหร่าน ผู้นำสหรัฐเรียกร้องให้เตหะรานยุติการโจมตี ขณะที่การประท้วงต่อต้านสงครามยังคงเกิดขึ้นในเมืองต่างๆ ของสหรัฐ

แคโรล คอง นักกลยุทธ์ด้านสกุลเงินจาก Commonwealth Bank of Australia กล่าวว่า ตลาดกำลังรอดูว่าอิหร่านจะตอบสนองอย่างไร โดยกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเชิงบวกด้านเงินเฟ้อของความขัดแย้งมากกว่าผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจ

เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลและต้องการความปลอดภัย ตลาดกำลังรอดูการตอบสนองของอิหร่านต่อการโจมตีของสหรัฐฯ
ในตลาดเงิน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับคู่ทียบส่วนใหญ่ โดยแข็งค่าขึ้น 0.25% เทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่นที่ 146.415 หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนก่อนหน้านี้
สกุลเงินภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากนักลงทุนประเมินผลกระทบจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง

ค่าเงินหยวนออฟชอร์ของจีนอ่อนค่าลง 0.15% สู่ระดับ 7.1883 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันอ่อนค่าลง 0.28% สู่ระดับ 29.657 เงินวอนเกาหลีใต้อ่อนค่าลง 0.45% ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ระดับ 1,380.20 วอน รายงานระบุว่าก่อนหน้านี้ นายลี ฮยองอิล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการของประเทศ ได้กล่าวไว้ว่า รัฐบาลจะติดตามตลาดการเงินและอุปทานพลังงานอย่างใกล้ชิด และตอบสนองหากจำเป็น

ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.36% แตะที่ 0.6425

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนค่าลง 0.12% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แตะที่ 1.2890 ขณะที่เปโซฟิลิปปินส์อ่อนค่าลง 0.78% แตะที่ 57.573 หลังจากแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน ก่อนหน้านี้ในช่วงการซื้อขาย

เงินริงกิตมาเลเซียอ่อนค่าลง 0.64% แตะที่ 4.2779 เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รูเปียะฮ์อินโดนีเซียอ่อนค่าลง 0.46% แตะที่ 16,455 หลังจากร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ก่อนหน้านี้ในช่วงการซื้อขาย เงินบาทอ่อนค่าลง 0.49% แตะที่ 32.95

ความเคลื่อนไหวสำคัญเกิดขึ้นในตลาดน้ำมัน โดยราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบ 5 เดือน

ดัชนี SSE ตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ 3,364.52 จุด เพิ่มขึ้น 4.63 จุด, +0.14%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงอยู่ที่ 23,501.86 จุด ลดลง 28.62 จุด, -0.12%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้อยู่ที่ 3,002.3 จุด ลดลง 19.54 จุด, -065%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันอยู่ที่ 21,720.8 จุด ลดลง 324.94 จุด , -1.47%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 1.41 ดอลลาร์หรือ 1.91%ซื้อขายที่ 75.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ หรือ 1.84% ซื้อขายที่ 78.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–