HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนปิดร่วง 769 จุด ความตึงเครียดตะวันออกกลางสูงขึ้น หลังอิหร่านยิงขีปนาวุธไปที่อิสราเอล เพื่อตอบโต้การโจมตีอย่างหนักของอิสราเอล ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” WTI พุ่ง 7.26% ปิด 72.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 13 มิถุนายน 2568 ปิดที่ 42,197.79 จุด ลดลง 769.83 จุด หรือ -1.79% จากความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่สูงขึ้น หลังจากเกิดการปะทะกัน ที่อิหร่านยิงขีปนาวุธไปที่อิสราเอลเพื่อตอบโต้การโจมตีอย่างหนักของอิสราเอลซึ่งมีเป้าหมายเพื่อทำลายความสามารถในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,976.97 จุด ลดลง 68.29 จุด, -1.13%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,406.83 จุด ลดลง 255.66 จุด, -1.30%
ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.4% ดัชนี Nasdaq ลดลง 0.6% ดัชนี Dow ลดลง 1.3%
ตลาดเริ่มร่วงลงในเย็นวันพฤหัสบดี หลังรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล อิสราเอล แคทซ์ ประกาศภาวะฉุกเฉินพิเศษหลังจากอิสราเอลโจมตีอิหร่าน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คนกล่าวว่าไม่มีการมีส่วนร่วมหรือความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ตามรายงานของ NBC News
หุ้นร่วงลงต่อเนื่องในวันศุกร์ หลังจากกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอลระบุว่าอิหร่านยิงขีปนาวุธไปที่อิสราเอลเพื่อตอบโต้การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ขณะที่โทรทัศน์แห่งรัฐอิหร่านรายงานในช่วงบ่ายวันศุกร์ว่าอิหร่านจะไม่เข้าร่วมการเจรจานิวเคลียร์รอบที่ 6 กับสหรัฐ ซึ่งกำหนดไว้ในสุดสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบ Brentและน้ำมันดิบ WTI พุ่งสูงขึ้นกว่า 7% ในบางช่วงราคาน้ำมันดิบWTI แตะระดับ 74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน เนื่องมาจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
หุ้นน้ำมันและหุ้นอุตสาหกรรมป้องกันประเทศปรับตัวสูงขึ้น Exxon เพิ่มขึ้น 2% ในขณะที่ Lockheed Martin และ RTX ต่างก็พุ่งขึ้นมากกว่า 3%
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ โดยหุ้น Expedia และ Booking Holdings ต่างก็ลดลงราว 2% เช่นเดียวกับ Airbnb หุ้นกลุ่มโรงแรม Hilton, InterContinental และ Marriott
ต่างก็ลดลงมากกว่า 1%
หุ้นกลุ่มเรือสำราญและสายการบินก็ลดลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อกำไร
นักวิเคราะห์จาก Capital Economics กล่าวในบทวิเคราะห์ว่า ช่องทางหลักของความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้ก็คือราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แม้ตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตน้ำมันหรือโรงงานส่งออกน้ำมันในอิหร่าน แต่ความเสี่ยงหลักสำหรับตลาดพลังงานโลกก็คืออิหร่านพยายามปิดกั้นช่องแคบฮอร์มุซ
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาพลังงานโลกอาจทำให้ความคืบหน้าของสหรัฐฯ ในการลดอัตราเงินเฟ้อต้องชะงัก ตามที่นักวิเคราะห์ของ JPMorgan กล่าว
แต่ผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมิถุนายน ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน เพิ่มขึ้นเป็น 60.5 ดีกว่า 54 ที่ Dow Jones คาดการณ์ และเพิ่มขึ้น 15.9% จากเดือนที่แล้ว และ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าในช่วง 1 ปีข้างหน้า เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 5.1% ต่ำกว่า 6.6% การคาดการณ์ในเดือนพฤษภาคม ส่วน ในช่วง 5 ปีข้างหน้าผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 4.1% ต่ำกว่า 4.2% ที่คาดการณ์ในเดือนก่อน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากการโจมตีอิหร่านของอิสราเอลทำให้เกิดการเทขายหุ้นจำนวนมาก และนักลงทุนแห่เข้าสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ไม่แน่นอนอยู่แล้ว
ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในช่วงสั้นๆ ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 และเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องนานที่สุดตั้งแต่เดือนกันยายน 2024
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 544.94 จุด ลดลง 4.90 จุด, -0.89%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,850.63 จุด ลดลง 34.29 จุด,-0.39%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,684.68 จุด ลดลง 80.43 จุด, -1.04%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,516.23 จุด ลดลง 255.22 จุด, -1.07%
ดัชนีความผันผวนของตลาดหุ้นยุโรปซึ่งบ่งชี้ถึงความวิตกของนักลงทุน พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม
นักวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์นี้คงจะชั่วคราว เนื่องจากอิหร่านไม่ได้อยู่ใน
สถานะที่จะตอบโต้ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อพิจารณาจากอำนาจที่เปลี่ยนแปลงระหว่างสองประเทศ
ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดลบ โดยดัชนี DAX ของเยอรมนีปิดลดลง 1.1% หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีลดลงเหลือ 2.1% ในเดือนพฤษภาคม
กลุ่มเดินทางและสันทนาการลดลง 2% โดยสายการบิน ICAG, Lufthansa และ Ryanair เป็นกลุ่มที่ตกมากที่สุด เนื่องจากสายการบินหลายแห่งถอนตัวออกจากน่านฟ้าเหนืออิสราเอล อิหร่าน อิรัก และจอร์แดน และราคาน้ำมันดิบก็พุ่งสูงขึ้น
หุ้นพลังงานเพิ่มขึ้น 0.6% หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกือบ 6% จากความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
กลุ่มการเดินเรืออย่าง Maersk เพิ่มขึ้น 4.2% และ Hapag-Lloyd เพิ่มขึ้นเกือบ 1% ตามลำดับ นักวิเคราะห์ได้ระบุถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของอัตราค่าระวางเรือท่ามกลางการหยุดชะงักของอุปทาน
กลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยบริษัท Rheinmetall ของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 2.7% และบริษัท BAE Systems ของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 2.9%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 4.94 ดอลลาร์ หรือ 7.26% ปิดที่ 72.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 4.87 ดอลลาร์ หรือ 7.02% ปิดที่ 74.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
