ดาวโจนส์ปิดบวก 101 จุด ดัชนี PPI ต่ำกว่าคาด

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดบวก กำไรบจ.ดีขึ้นหนุน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. ลดลง บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นักวิเคราะห์คาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. ด้านตลาดหุ้นยุโรปลงต่อวันที่ 4

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 12 มิ.ย. 2568 ปิดที่ 42,967.62 จุด เพิ่มขึ้น 101.85 จุด หรือ +0.24% และดัชนี S&P 500 ปิดตลาดในแดนบวก หลังจาก Oracle เผยคาดการณ์ที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้มีความเชื่อมั่นต่อปัญญาประดิษฐ์มากขึ้น และหนุนกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ซึ่งช่วยชดเชยการลดลงของหุ้น Boeing ขณะที่หันความสนใจไปที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังดัชนี PPI ต่ำกว่าคาด

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,045.26 จุด เพิ่มขึ้น 23.02 จุด, +0.38%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,662.48 จุด เพิ่มขึ้น 46.61 จุด, +0.24%

Oracle ผู้ให้บริการคลาวด์พุ่งขึ้น 13.3% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชีที่โดดเด่นทั้งยอดขายและกำไร รวมทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของรายได้ประจำปี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการบริการที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ที่เพิ่มขึ้น

หุ้น Boeing ซึ่งอยู่ในดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลงเกือบ 5% หลังจากเครื่องบินดรีมไลเนอร์ 787 ของแอร์อินเดียตกหลังจากขึ้นบิน โดยมีผู้โดยสาร 242 คนอยู่บนเครื่อง

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลชุดใหม่ที่บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. ซึ่งเป็นตัววัดราคาอุปสงค์ขั้นสุดท้ายในเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่า 0.2% ที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Dow Jones คาด เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 2.6%สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นอกจากนี้จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วทรงตัวที่ 248,000 ราย สูงกว่า 244,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

ข้อมูลดัชนี PPI ที่ต่ำกว่าคาด และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการอ่อนตัวลงของตลาดแรงงาน ช่วยลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแรงกดดันด้านราคาที่เกิดจากภาษีศุลกากร ขณะเดียวกันก็คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย
เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group บ่งชี้ว่าเทรดเดอร์มองว่ามีโอกาส 60% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%ภายในเดือนก.ย. แต่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายสัปดาห์หน้า

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกร้องให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง เพื่อลดต้นทุนหนี้ระยะสั้น ในขณะที่ขู่ใช้มาตรการภาษีแบบ “เอาหรือไม่เอา” กับคู่ค้าอีกครั้งก็ตาม

ทรัมป์ย้ำเมื่อวันพุธว่า พันธมิตรทางการค้าของสหรัฐฯ จะได้รับจดหมายภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์เกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวของเขา อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวต่อรัฐสภาว่ามีแนวโน้มสูงมากที่ประเทศต่างๆ ที่กำลังเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ จะได้รับการขยายเวลาการระงับการขึ้นภาษีนำเข้าเป็นเวลา 90 วัน จากปัจจุบันที่จะครบกำหนดในวันที่ 9 กรกฎาคม
หุ้นของบริษัทเหมืองทองที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ พากันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาทองคำแท่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หุ้น Newmont เพิ่มขึ้น 4.9% หุ้น Harmony Gold เพิ่มขึ้น 4.1% และหุ้น AngloGold Ashanti เพิ่มขึ้น 6.4%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นการปรับลงรายวันที่นานที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน เนื่องจากความเชื่อมั่นด้านการค้าลดน้อยลง ขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ถอยห่างจากสินทรัพย์เสี่ยง

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 549.84 จุด ลดลง 1.80 จุด, -0.33% หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ระหว่างการซื้อขาย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,884.92 จุด เพิ่มขึ้น 20.57 จุด, +0.23%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,765.11 จุด ลดลง 10.79 จุด, -0.14%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,771.45 จุด ลดลง 177.45 จุด, -0.74%

ปัจจัยหลักที่กดดันตลาดคือการขาดความชัดเจนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับนโยบายการค้าโลก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพุธว่ายินดีที่จะขยายกำหนดเวลาการเจรจาการค้าออกไป แต่ก็ระบุว่าอาจไม่จำเป็น เนื่องจากจะมีจดหมายเกี่ยวกับข้อเสนอที่จะส่งไปยังคู่ค้าในเร็วๆ นี้

แม้ว่าการเจรจาล่าสุดกับจีนจะบรรลุข้อตกลง แต่ก็ไม่สามารถยกเลิกภาษีศุลกากรที่มีอยู่หรือแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าเชิงโครงสร้างที่มีมายาวนานได้

รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯสก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวว่าสหภาพยุโรปซึ่งเคยเสนอข้อเสนอที่แข็งกร้าวตอนนี้แสดงถึงความตั้งใจที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่แน่ใจว่ามีความสหภาพยุโรปและสหรัฐฯจะบรรลุข้อตกลงได้ก่อนที่เส้นตายในวันที่ 8 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่การระงับการขึ้นภาษีจะสิ้นสุดลง

นอกจากนี้ความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ทำให้มีการซื้อขายอย่างระมัดระวังมากขึ้น หลังจากทรัมป์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางส่วนกำลังถูกย้ายออกจากตะวันออกกลาง ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับอิหร่าน

ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้กลุ่มพลังงานกลายเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นโดดเด่นในช่วงนี้

กลุ่มสาธารณูปโภค ซึ่งมักใช้เป็นตัวแทนพันธบัตร เพิ่มขึ้น 0.8% สอดคล้องกับราคาพันธบัตรของเขตยูโรโซน

กลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการร่วงลงมากที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม หุ้น Boeing ร่วงลง 8% หลังจากเครื่องบินเจ็ตลำหนึ่งของบริษัทซึ่งให้บริการโดยแอร์อินเดียตกที่เมืองอาห์เมดาบาดของอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 ราย

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 68.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.59% ปิดที่ 69.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล