‘สารัชถ์’ทุ่ม 87 ล้านบาท ซื้อ GULF 20 ล้านหุ้น ราคา 43.50 บาท

HoonSmart.com>>”สารัชถ์ รัตนาวะดี” เก็บหุ้นกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GUIF) 20 ล้านหุ้น ราคา 43.50 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 87 ล้านบาท  ด้านธุรกิจคาดครึ่งปีหลังจะเห็นการขายโรงไฟฟ้าออกเพราะไม่สอดคล้องแผนธุรกิจระยะกลาง-ยาว นักวิเคราะห์ 16 รายเชียร์ซื้อ ชี้เป้าเฉลี่ย 60.89 บาท

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GUIF) รายงานก.ล.ต.ว่า เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2568 ได้เข้าไปซื้อหุ้น GULF ในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 2 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 43.50 บาท รวมเป็นเงิน 87 ล้านบาท ทำรายการผ่านบล.บัวหลวง  ทำให้มีหุ้นทั้งสิ้น 4,356,087,578  หุ้น

นายสารัชถ์ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเห็นบริษัทฯ ขายทรัพย์สินที่เป็นโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีการขายทรัพย์สินที่ไม่สอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจระยะกลางและระยะยาว ส่วนการซื้อทรัพย์สิน กำลังพิจารณาอยู่หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย แต่ไม่รีบร้อน

“เรามีการประชุมเรื่องแผนธุรกิจกันทุกปี  ซึ่งทุกอย่างยังคงเดินตามเป้าหมาย มีการซื้อและขายทรัพย์สินเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้ต้อง wait and see เพราะเศรษฐกิจโตต่ำ และจะต้องรอดูแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ  (PDP) ที่ออกมาล่าช้ากว่าที่กำหนด 3-4 ปี”นายสารัชถ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ยอมรับว่ามีผลต่อการขายไฟฟ้าบ้าง เพราะโรงงานบางแห่งไม่กล้าผลิตสินค้าใหม่ ขายของในสต๊อก แต่ยังมีบางอุตสาหกรรม ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสูงมาก เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ และ EV ซึ่งดาต้าเซ็นเตอร์จากต่างประเทศ สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมาก เพราะไฟฟ้ามีเสถียรภาพ เป็นหัวใจสำคัญกับธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์

ล่าสุดวันที่ 11 มิ.ย.2568 ราคาหุ้น GULF ปิดที่ 43.50  บาท ลดลง 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น  898.96 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ 16 ใน 17 ราย ออกบทวิเคราะห์ เชียร์ซื้อหุ้น GULF ให้ราคาเฉลี่ย 60.89 บาท สูงสุดถึง 72 บาท ส่วนราคาต่ำสุด 45 บาท ประเมินโดยบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะนำให้”ถือ”

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ยังคงแนะนำซื้อหุ้น GULF ให้ราคาเหมาะสมที่ 57 บาทสิ้นปีนี้ บริษัทเปิดกำไรงบเสมือนในไตรมาส 1/2568 ดีกว่าที่เราคาด 9% จากส่วนแบ่งกาไรที่สูงกว่าคาด ทั้งนี้คิดเป็น 25% ของประมาณการทั้งปี ส่งผลให้ประมาณการของเราที่ 26,268 ล้านบาท (+22% จากปีก่อน) มี Upside อีกราว 5-7% มองว่า GULF มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่ากลุ่มฯ

ส่วนแนวโน้มไตรมาสที่ 2 เบื้องต้นคาดกำไรปกติที่ระดับ 7,000-7,500 ล้านบาท มีโอกาสเติบโตเด่นเทียบกับไตรมาสแรกได้ แม้ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นหลังมีการออกหุ้นกู้จำนวน 3 หมื่นล้านบาทในเดือน มี.ค. หลังได้แรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจโรงไฟฟ้า IPP ในไทย ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้า Jackson ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น

ส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตาม ARPU ที่สูงขึ้น (รับรู้ผลจากการปรับขึ้นราคา Package หลักแบบเต็มไตรมาส) และการรับรู้รายได้จากเงินปันผลของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ทั้งนี้เบื้องต้นคาดรายได้จากเงินปันผลก่อนหักค่าใช้จ่ายทางภาษีจะอยู่ที่ราว 1,000-1,200 ล้านบาท